วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2551

วันเกิดครบรอบ56ปีของ JOHN GOODMAN



วันนี้ก็ 20 มิถุนายนพอดี อันเป็นวันเกิดของชายอ้วนผู้นี้ ผู้มีผลงานด้านบันเทิงมากมายทั้งภาพยนตร์และมินิซีรี่ย์ทางทีวี แม้ปัจจุบันเขาจะผอมลงไปบ้าง แต่เขาก็ยังดูดีอยู่เสมอ
บ้านเกิดของผู้ชายคนนี้อยู่ที่เมือง St.Louid รัฐ Missouri ประเทศสหรัฐอเมริกา จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก Missouri State University แต่งงานในปี ค.ศ.1989 ภรรยาชื่อ Annabeth Hartzog มีลูกสาว1คนชื่อ Molly
หนังที่ชายอ้วนผู้นี้แสดงเรื่องล่าสุดที่ผมได้ดูคือ Speed Racer หลายคนคงได้ดูไปแล้ว และเรื่อง Kung Fu Panda ที่กำลังจะเข้าฉายในไทยอีกไม่นานนี้ ก็มีJOHN GOODMAN พากย์เสียงเป้นหนึ่งในตัวละครในหนังเรื่องนี้เช่นกัน อ่านเรื่องราวของเขาเพิ่มเติมได้ที่
HAPPY BIRTHDAY JOHN GOODMAN, THE SEXIEST AMERICAN FAT DADDY

วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2551

รวมบล็อครูปภาพชายอ้วน/ชายแก่



http://fatactors.blogspot.com/
รวมภาพดาราชายอ้วนทั้งหนุ่มและแก่ ส่วนใหย่เป็นฝรั่ง
http://chubsinpolitics.blogspot.com/
รวมภาพนักการเมืองอ้วนจากทั่วทุกมุมโลกทั้งฝรั้งและเอเชีย
http://chubstreet.blogspot.com/
รวมภาพคนอ้วนที่ถุกถ่ายตามท้องถนนและในที่สาธารณะ
http://chubdaddies.blogspot.com/
รวมรุปคนอ้วนแก่/ลงพุงโดยเฉพาะ ทั้งฝรั่งและเอเชีย
http://chubbybears.blogspot.com/
รวมรูปคนอ้วนขนดกโดยเฉพาะ


รวมรูปคนอ้วนในชุดนักกีฬา ทั้งมวยปล้ำ ซูโม่ อเมริกันฟุตบอล และอื่นๆอีกมาก


รวมรูปคนอ้วนฝรั่งในชุดประจำชาติของประเทศScotland ที่เรียกกันว่า kilt


รวมรูปคนอ้วน/คนแก่ใส่กางเกงขาสั้น


รวมรูปคนอ้วนจากประเทศPhilipines รูปคนแก่ก็มี


อีกหนึ่งบล็อครวมรูปคนแก่/คนอ้วน


รวมรูปที่เน้นโชว์พุงโดยเฉพาะ


นี่ก็รวมรูปคนแก่/คนอ้วนเช่นกัน


สำหรับผู้ที่ชื่นชอบคนอ้วน/คนแก่ทางเอเชียโดยเพาะ


สำหรับคนที่คิดว่า การเห็นแค่ที่ผ่านมายังไม่หนำใจ บล็อคนี้เห็นกันจะๆเลยครับ

รถกระบะ รถตู้ รถSUV..คิดดีๆก่อนซื้อมาเป็นเจ้าของ


เรื่องเก่าที่ยังมีให้เห็นกันอยู่ กับพฤติกรรมการใช้รถที่ไม่เข้าท่าของคนไทย ที่ชอบทำอะไรแค่ตามกระแส ข้อความเหล่านี้มาจากนิตยสาร ฟอร์มูลา ฉบับเดือนธันวาคม พ.ศ.2545 คอลัมน์เรื่อง รอบรู้เรื่องรถ เขียนโดย นายเจษฎา ตัณทเศรษฐี ข้อความบางส่วนถูกตัดทอนเพื่อความกระชับ
-รถขับเคลื่อนสี่ล้อ (ที่ไม่ใช่รถเก๋ง) เป็นรถอเนกประสงค์ที่ใช้งานได้เกือบทุกที่ทุกโอกาส เช่น ใช้ในเมือง เดินทางไกล ลุยน้ำลุยโคลนหลุมบ่อ เข้าไร่ นา สวน แต่ถ้าจะซื้อมาใช้ต้องถามตนเองก่อนครับ ว่าเรามีโอกาสหรือต้องการใช้งานมัน แบบที่ผมยกตัวอย่างมานี้หรือเปล่า เพราะถ้าเอามาใช้งานในเมืองอย่างเดียว เราก็จะไม่ได้ประโยชน์ด้านดีของมันเลย แต่กลับได้แต่ด้านลบหรือด้านเลวของมันล้วนๆ คือสะเทือน (แม้ว่าบางรุ่นจะนุ่มระดับรถเก๋งชั้นดีก็ตาม) โคลง (เพราะตัวถังสูง และตัวเราก็นั่งในตำแหน่งสูงตาม) กินน้ำมันมหาศาล (ถึงจะเป็นเครื่องดีเซลก็ตาม) ขึ้นลงลำบาก เข้าซอยแคบลำบาก เข้าจอดลำบาก กลับรถยิ่งไม่ต้องพูดถึงเพราะมุมเลี้ยวล้อหน้าน้อย แล้วยังคันยาวใหญ่อีกด้วย การทรงตัวก็ไม่ดีเท่าที่ควร บางคนอาจแย้งว่ารุ่นที่แพงมากๆ ก็ทรงตัวดีได้ ต้องเทียบกับรถเก๋งราคาเดียวกันครับถึงจะยุติธรรมและถูกต้อง
-ผมว่าพวกเราจำนวนไม่น้อย ถูกล้างสมองให้เอาอย่าง ทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว โดยภาพยนต์จากฮอลลีวูดของสหรัฐ ฯ เพราะเราจะเห็นพระเอก นางเอก ผู้ร้าย ใช้รถประเภทนี้กันบ่อยมาก มันมีเหตุผลอยู่ในตัวของมันครับ ต้องดูรายได้ของพวกเขา แล้วดูค่าครองชีพ ดูราคาน้ำมันเชื้อเพลิง สัดส่วนรายได้ต่อราคาน้ำมันจะเป็นตัวตัดสินครับว่าเขาใช้ได้ แต่พวกเรานั้นไม่เหมาะ ภูมิประเทศของเขาก็ต่างกับของเรา พวกเรามีไร่ (RANCH) มีบ้านชนบท ที่ทางเข้าไม่เลวร้ายแต่ก็ไม่ใช่ถนนเรียบ รถประเภทนี้จึงเหมาะหรือจำเป็นสำหรับพวกเขา เมืองไทยต่างกันครับ ไปไหนก็มีถนนดีรออยู่ เพราะพวกเราชอบสบาย ใครมีที่ท่องเที่ยวที่ทางเข้าไม่ดีก็เตรียมตัว "เจ๊ง" ได้เลย

-คราวนี้ก็มาถึงเรื่องใหญ่ที่เข้าใจผิดกันอย่างมาก ผมได้ยินอยู่เสมอว่าพวกเราอยากได้รถประเภทนี้ไว้เที่ยวทางไกล หรือเอาไว้เดินทางไกล รถประเภทนี้ไม่มีอะไรเหมาะสมกับการเดินทางไกลทั้งสิ้นครับ ก็ด้วยข้อเสียต่างๆ เหมือนกับที่เอามาใช้ในเมืองนั่นเอง เหมือนกันทุกข้อครับ บางคนบอกว่าเอาไว้พาสมาชิกครอบครัวหลายคนไปเที่ยวทางไกล ก็ไม่มีเหตุผลอะไรรองรับครับ เพราะมันไม่ได้จุคนได้มากเป็นพิเศษ แม้จะมากเพราะเป็นรุ่นใหญ่ ก็ยังไม่เหมาะสมอยู่ดี กรณีแบบนี้ มีรถที่เหมาะสมจริงๆ คือรถตู้หรือรถแวน ซึ่งเราจะมาดูข้อดีและข้อเสียของมันกันเลย

-รถแวน (VAN) หรือรถตู้นั้น เดิมทีในความหมายแท้ๆ ของมัน คือรถตู้ทึบสำหรับขนของครับ แล้วก็มีคนดัดแปลงทำเป็นที่อยู่ภายในกันบ้าง ทำเป็นรถโดยสารบ้าง ตอนหลังโรงงานรถยนต์ก็เลยทำขายเสียเลย ส่วนใหญ่จะมีที่นั่งอย่างน้อยสามแถว เรียกว่าสามตอนน่าจะถูกกว่านะครับ ตอนนี้คงเข้าใจกันแล้วนะครับ ว่าพวกเราเอาคำนี้ไปใช้เรียกรถตรวจการณ์หรือสเตชันแวกอนกันอย่างผิดๆ มาตลอด รถแวนต้นตำรับในสหรัฐอเมริกานั้น ขนาดใหญ่มาก รถแวนรุ่นใหญ่สำหรับพวกเราหรือชาวยุโรป เช่น ไครสเลอร์ วอยาเจอร์/โฟล์คสวาเกน ชาราน/เรอโนลต์ แอสปาศ ชาวสหรัฐ ฯ จะเรียกว่ามีนีแวน
-ถ้าจะพูดแบบไม่เป็นทางการ ไม่เน้นความถูกต้อง ก็ต้องบอกว่ารถแวนหรือรถตู้ คือรถเก๋งหรือรถตรวจการณ์ที่นั่งได้สามตอน จุผู้โดยสารได้มากกว่ารถเก๋งปกติ เพราะฉะนั้นถ้าต้องการขนคนไม่ว่าจะในเมืองหรือเดินทางไกล แล้วรถเก๋งคับแคบที่นั่งน้อยเกินไป ต้องหันมาหารถแวนครับ อย่าไปซื้อรถขับเคลื่อนสี่ล้ออเนกประสงค์หรือ SUV (SPORT UTILITY VEHICLE) มาใช้
-ข้อดีของรถแวนคือการขนผู้โดยสารได้มากๆ หรือจะพับเก้าอี้ตอนหลัง แล้วเปลี่ยนเป็นผู้โดยสารค่อนข้างมาก บวกกับสัมภาระก็ได้ แต่อย่าเอามานั่งคนเดียวโด่เด่กับพนักงานขับรถเลยครับ เพราะตัวรถมันหนักเอาการ พื้นที่หน้าตัดก็มาก เปลืองน้ำมันเปล่าๆ ถ้าจะใช้ให้ถูกต้อง ก็ควรเป็นผู้บริหารที่จำเป็นต้องรับแขกระดับสูง หรือมีการประชุมย่อยในรถกันค่อนข้างบ่อย อาจจำเป็นต้องหันหน้ามาชนกันถกปัญหากันแบบเห็นหน้าเห็นตา แบบนี้ถึงจะถือว่าใช้ถูกประเภท ดูเหมือนอดีตนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่งจะช่วยโฆษณารถแวนยี่ห้อหนึ่งได้อย่างมากมาย เพราะก้าวขึ้นลงให้ชมในข่าวภาคค่ำทุกวัน จนรถรุ่นนี้ขายดิบขายดี เพราะคนไทยเราเอาอย่างได้โดยไม่ต้องหาเหตุผล
-ปิดท้ายด้วยกลุ่มที่มีจำนวนมากที่สุด ซึ่งก็คือรถกระบะขนาดเล็ก หรือขนาดน้ำหนักบรรทุก 1 ตัน (1,000 กก.) หรือรถพิคอัพนั่นเอง การที่เมืองไทยเป็นประเทศที่ผลิตรถพิคอัพ เป็นอันดับสองของโลก รองจากสหรัฐอเมริกานั้น แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง แต่ผมไม่เคยเห็นด้วยกับการใช้รถผิดประเภท สำหรับผู้ที่มีอาชีพหรืองานอดิเรกที่ต้องขนของที่ใช้รถเก๋งหรือสเตชันแวกอนขนไม่ได้ แน่นอนครับว่ารถพิคอัพคือยานพาหนะประเสริฐ ที่หาอะไรมาแทนไม่ได้ อาจมีข้อยกเว้นอยู่บ้างคือแม้จะไม่ต้องบรรทุกของ แต่สิ่งแวดล้อมต่างๆ ของผู้ใช้ แย่เกินกว่าที่จะใช้รถเก๋ง
-ผิดจากนี้ไปแล้ว ใครที่ใช้รถพิคอัพก็จะได้แต่ด้านเสียของมันแต่เพียงอย่างเดียว ซึ่งมีอยู่หลายข้อด้วยกัน คือ ประตูน้อย ขึ้นลงลำบาก ห้องโดยสารคับแคบ การทรงตัวที่ความเร็วสูงไม่ดีพอ สะเทือน ระยะเบรคยาวกว่ารถเก๋งมาก เรื่องนี้เรื่องใหญ่ครับ เพราะเกี่ยวกับความปลอดภัยโดยตรง ระบบเบรคล้อหลังของรถพิคอัพเป็นปัญหาใหญ่ของผู้ออกแบบผู้ผลิตมานานแล้ว เพราะเวลาบรรทุกเต็มพิกัดต้องเบรคได้แรงพอ คราวนี้พอไม่บรรทุก แรงเบรคมักจะเกินจนล้อลอค ถึงจะมีระบบควมคุมแรงเบรคตามน้ำหนักบรรทุกอยู่ ก็เป็นแบบหยาบครับ บางทีก็ชำรุดอยู่นานแล้ว ถึงจะทำงานได้ดีเป็นปกติ ก็ยังมีระยะเบรคยาวเกินกว่ารถเก๋งมากอยู่ดี เป็นระยะทางหลายเมตรที่จะตัดสินว่าจะชนหรือไม่ จะเจ็บมากหรือเจ็บน้อย จะรอดหรือตายได้นะครับ
-ถ้าความจุของเครื่องยนต์เท่ากัน เครื่องดีเซลจะแรงน้อยกว่าเครื่องเบนซินหลายสิบเปอร์เซ็นต์ การที่มีเทอร์โบชาร์เจอร์ ไม่ได้หมายความว่าเป็น "เครื่องแรง" นะครับ เพียงแค่ชดเชยให้มีกำลังพอๆ กับเครื่องเบนซินธรรมดาเท่านั้น ใครที่เคยใช้แต่รถกระบะเครื่องยนต์ดีเซล ลองหาโอกาสขับรถเก๋งเครื่องยนต์เบนซินให้นานพอ ก็จะเห็นความแตกต่างอย่างมาก คนที่มีความละเอียดพอ จะไม่สามารถทนความหยาบ เสียงรบกวน "ความเหี่ยว" ไม่มีแรงของเครื่องดีเซลได้เลยครับ ถ้าคนไทยรู้ความแตกต่าง รู้คุณค่ากันมากกว่านี้ ไม่หลงเชื่อคำโฆษณาประเภท "มาดเข้ม" อะไรทำนองนี้ แล้วหันมาใช้รถเก๋งกันอย่างรู้คุณค่า อากาศที่พวกเราหายใจกันจะสะอาดกว่านี้มาก คนไทยกำลังป่วยเพราะเขม่าพิษของเคี่องดีเซลจนถึงขั้นวิกฤติครับ เป็นมฤตยูใหม่ที่มาแทนควันขาวอันร้ายกาจของจักรยานยนต์สองจังหวะ ไม่ว่าผู้บริโภคจะซื้อรถอะไรมาใช้ เงินก็สะพัดเหมือนกันแหละครับ ไม่มีเหตุผลอะไรเลย ในการสนับสนุนให้คนไทยใช้รถกระบะเครื่องดีเซลกันจนเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด
-สรุปแล้วก็คือถ้าสำรวจตัวเองแล้ว ไม่เข้าข่ายกลุ่มต่างๆ ที่ผมยกตัวอย่างมาตั้งแต่ต้น ไม่ว่ารถนั้นจะราคาสูงหรือต่ำเพียงใด รถเก๋งเท่านั้นครับที่เหมาะที่สุด

วันแห่งคนอ้วนของญี่ปุ่น



-วันแห่งคนอ้วน (Debu No Hi) ตรงกับวันที่ 8 สิงหาคม ของทุกปี สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : เป็นวันที่ระลึกสำหรับคนอ้วน

และยังมีวันสำคัญประหลาดอีกมากมายนับไม่ถ้วน โดยเลือกเอามาให้ดูเพียงบางวันเท่านั้น

-วันแห่งแฮมเบอร์เกอร์ (Hamberger No Hi) ตรงกับวันที่ 20 กรกฏาคม ของทุกปี สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : 20 กรกฏาคม ปีโชวะที่ 46 เป็นวันแรกที่มีร้าน แมคโดนัล เปิดขึ้นในญี่ปุ่น ที่ชั้นหนึ่งของห้างมิทสึโกชิในย่านกินซ่า

-วันแห่งเนื้อย่าง (Yakiniku No Hi) ตรงกับวันที่ 29 สิงหาคม ของทุกปี สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : รณรงค์ให้คนทานเนื้อย่าง ตั้งโดยสมาคมเนื้อย่างแห่งประเทศญี่ปุ่น

- วันแห่งสุนัข (Inu No Hi) ตรงกับวันที่ 1 พฤศจิกายน ของทุกปี สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : ส่งเสริมให้คนรักและระลึกถึงสุนัข

-วันป๊อกกี้และปริทซ์ (Pocky&PRETZ No Hi) ตรงกับวันที่ 11 พฤศจิกายน ของทุกปี สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : ***ลิโกะ บริษัทผลิต ป๊อกกี้และปริทซ์ ตั้งวันป๊อกกี้และปริทซ์ ขึ้นมาเมื่อ ปีเฮเซที่ 11 เดือน 11 วันที่ 11 หากนำวันและเดือนและปี มาเขียนเรียงติดกัน ก็จะได้เป็น 111111 ซึ่งเหมือนกับแท่งป๊อกกี้และปริทซ์ 6 แท่ง ในโฆษณาของป๊อกกี้เอง ก็มีการโชว์แท่งป๊อกกี้ 4 แท่งในมือของพรีเซนเตอร์ด้วย (เพราะว่าปีเฮเซที่ 11 เลยมาแล้ว) จุดประสงค์ที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา คงไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากการส่งเสริมการขายป๊อกกี้ มีการจัดแคมเปญต่างๆเกี่ยวกับป๊อกกี้และปริทซ์ในวันที่11/11 ของทุกๆปีด้วย

-วันแห่งโรงแรม (Hotel No Hi) ตรงกับวันที่ 20 พฤศจิกายน ของทุกปี สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : 20 พฤศจิกายน ปีเมจิที่ 23 เป็นวันแรกที่ Teikoku Hotel โรงแรมแห่งแรกในญี่ปุ่นเปิดให้ใช้บริการ

-วันแห่งไก่ทอด (Fried Chicken No Hi) ตรงกับวันที่ 21 พฤศจิกายน ของทุกปี สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : 21 พฤศจิกายน ปีโชวะที่ 45 เป็นวันแรกที่มีร้านไก่ทอด เคนตักกี้ เปิดในญี่ปุ่น ที่นาโกย่า

-วันแห่งโซบะ (Soba No Hi) ตรงกับวันที่ 31 ธันวาคม ของทุกปี สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : เนื่องจากชาวญี่ปุ่นมีประเพณีการทานโซบะข้ามปี (Toshikoshi Soba) จึงบัญญัติวันนี้ขึ้นเป็นวันรณรงค์การทานโซบะ

-วันแห่งนม (Milk No Hi) ตรงกับวันที่ 9 มิถุนายน ของทุกปี สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : รณรงค์ให้คนดื่มนม

- วันแห่งอุด้ง (Udon No Hi) ตรงกับวันที่ 2 กรกฏาคม ของทุกปี สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : รณรงค์ให้คนรับประทานอุด้ง

-วันแห่งรูปถ่าย (Shashin No Hi) ตรงกับวันที่ 1 มิถุนายน ของทุกปี สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : สมาคมรูปถ่ายแห่งประเทศญี่ปุ่นตั้งวันนี้ขึ้นมาเพื่อส่งเสริมการถ่ายรูป

-วันแห่งขยะ (Gomi No Hi) ตรงกับวันที่ 3 พฤษภาคม ของทุกปี สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : รณรงค์ให้คนทิ้งขยะโดยแยกชนิดของขยะอย่างถูกต้อง

-วันแห่งกระเทย (Okama No Hi) ตรงกับวันที่ 4 เมษายน ของทุกปี สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : เป็นวันที่อยู่ระหว่างกลางของวันเทศกาลลูกท้อ (Momo No Sekku) เป็นวันสำหรับเด็กผู้หญิง ซึ่งคือวันที่ 3 มีนาคม (3/3) และวันเทศกาลเด็กผู้ชาย (Tango No Sekku) ซึ่งคือวันที่ 5 พฤษภาคม (5/5) จึงตั้งวันที่อยู่กึ่งกลางนั่นคือวันที่ 4 เมษายน (4/4) เป็นวันสำหรับคนครึ่งหญิงครึ่งชาย นั่นคือกระเทย (คำว่า Okama แปลว่า กระเทย)

-วันแห่งแมว (Neko No Hi) ตรงกับวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ของทุกปี สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : เนื่องจากแมวที่ญี่ปุ่นร้องขึ้นต้นด้วยคันจิที่เหมือนกับเลข 2 ด้วยกัน 3 อัน วางเรียงกันได้เป็น 222 ซึ่งแปลงเป็นวันที่ได้วันที่ 2/22

- วันแห่งบันไดเลื่อน (Escalator No Hi) ตรงกับวันที่ 9 มีนาคม ของทุกปี สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : เป็นวันแรกที่มีการใช้บันไดเลื่อนขึ้นที่ห้างมิตสึโกชิ สาขา นิฮงบาชิ ในวันที่ 9 มีนาคม ปีไทโช ที่ 3

-วันแห่งแกงกระหรี่ (Curry No Hi) ตรงกับวันที่ 22 มกราคม ของทุกปี สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : รณรงค์ให้คนทำและรับประทานแกงกะหรี่

-วันแห่งการปวดหัว (Zutsuu No Hi) ตรงกับวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ของทุกปี สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : รณรงค์ไม่ให้คนทำอะไรมากเกินไปจนปวดหัว

-วันแห่งชาเขียว (Maccha No Hi) ตรงกับวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ของทุกปี สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : รณรงค์ให้คนดื่มชาเขียวเพื่อสุขภาพ

-วันแห่งนามสกุล (Myouji No Hi) ตรงกับวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ของทุกปี สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : เป็นที่ระลึกสำหรับการเริ่มใช้นามสกุลเป็นครั้งแรกในญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ปีเมจิที่ 8

-วันแห่งภาพยนตร์ (Eiga No Hi) ตรงกับวันที่ 1 ของทุกๆเดือน สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : รณรงค์ให้คนไปดูภาพยนตร์

- วันแห่งการจราจรปลอดภัย (Koutsuu Anzen No Hi) ตรงกับวันที่ 1 ของทุกๆเดือน สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : รณรงค์ให้คนขับรถอย่างปลอดภัย ไม่ขับรถด้วยความเร็ว

- วันแห่งข้าว (Okome No Hi) ตรงกับวันที่ 8 และ 28 ของทุกๆเดือน สาเหตุที่ตั้งวันนี้ขึ้นมา : ระลึกถึงข้าวซึ่งเป็นอาหารหลักของชาวญี่ปุ่น

และวันสำคัญธรรมดาทั่วไป
-วันแม่ (Haha No Hi) ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 3 ของเดือนพฤษภาคม ของทุกปี

-วันพ่อ (Chichi No Hi) ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 3 ของเดือนมิถุนายน ของทุกปี

ข้อมูลจาก http://www.yamashita-tomohisa.com/ เชิญเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้เพราะมีอีกเยอะครับ

อ้วนครองโลก

เป็นบทความที่มาจาก http://www.sarakadee.com/feature/2002/08/fat.htm ขอยกความดีความชอบให้กับผุ้เขียนบทความนี้ที่เป็นต้นแบบ ที่นำมาลงเพราะเรื่องราวน่าสนใจและเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ผมชอบด้วย

-ทุกวันนี้ ขณะที่คนราว ๘๐๐ ล้านคนทั่วโลก กำลังถูกคุกคามด้วยโรคขาดอาหาร หรือพูดง่าย ๆ ว่ากำลังจะอดตาย คนอีกกลุ่มหนึ่งกลับถูกโรค "ขาดอาหารไม่ได้" เล่นงานจนอ้วนปี๋ (ขนาดที่ก้มมองนิ้วเท้าตัวเองไม่เห็น) จำนวนสูงถึง ๓๐๐ ล้านคน
-จะว่าไปแล้ว คนอ้วนก็เป็นโรคขาดอาหารชนิดหนึ่ง คือเป็นคนที่ขาดอาหารไม่ได้ ต้องกินอาหารด้วยความเอร็ดอร่อยอยู่ตลอดเวลา
-ผู้เชี่ยวชาญเรื่องอ้วนในโลกกำลังเป็นห่วงว่าคนอ้วนกำลังระบาดหนักไปทั่วโลก
-จากการประชุมประจำปีของสมาคมนักวิทยาศาสตร์แห่งสหรัฐอเมริกา ดร.สเตนเร่ย์ อุลลิจาเซ็ก แห่งมหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด ได้แสดงความเป็นห่วงว่า คนอ้วนที่เคยอาศัยอยู่ในประเทศที่เจริญแล้ว กำลังไปปรากฏตัวอยู่ตามดินแดนที่ห่างไกล
-อุลลิจาเซ็กบอกว่า คนอ้วนเริ่มปรากฎในปากแม่น้ำปูราริ ประเทศปาปัวนิวกินี ดินแดนไกลลิบที่ไม่เคยมีผู้คนอาศัยอยู่มาก่อนปีค.ศ. ๑๙๘๐ และจากการสำรวจล่าสุดพบว่า ๑ % ของผู้ชายและ ๕ % ของผู้หญิงในดินแดนแห่งนั้นเป็นคนอ้วน
-ในหมู่เกาะแปซิฟิก คนอ้วนได้ถือกำเนิดในดินแดนแห่งนี้มาอย่างน้อย ๕๐ ปีแล้ว แต่ไม่กี่ปีที่ผ่านมาอัตราคนอ้วนได้เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวจนน่าประหลาดใจ
-ในเมืองราโรตองก้า เมืองหลวงของหมู่เกาะคุ้ก มีการสำรวจเมื่อสามสิบปีก่อนพบว่า ๑๔ % ของผู้ชายและ ๔๔ % ผู้หญิงเป็นคนอ้วน แต่ปัจจุบันคนอ้วนเพิ่มพรวดขึ้นมาว่า ครึ่งหนึ่งของคนในเมืองหลวงแห่งนี้ทั้งชายและหญิงเป็นคนที่มองไม่เห็นนิ้วเท้าตัวเองแล้ว
-ขณะที่ลึกเข้าไปในทะเลทรายใจกลางทวีปออสเตรเลีย ดินแดนแห้งแล้งที่ไม่ค่อยมีอะไรจะกิน แต่นักวิจัยพบว่า ๔ % ของเด็ก ๆชาวแอบบอริจิน ชนพื้นเมืองออสเตรเลีย และ ๑๕ % ของผู้ใหญ่มีน้ำหนักมากผิดปกติ
-ในขณะเดียวกัน ประชากรจากประเทศยากจน ที่อพยพเข้าไปอยู่ในประเทศที่เจริญอย่างสหรัฐอเมริกา ก็มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเกือบหมด
-มีการพบว่าเด็กอินเดียนชาวมายาเกินครึ่ง ที่อพยพจากประเทศกัวเตมาลา ไปอยู่มหานครลอสแองเจลิส มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นจนอ้วนกันถ้วนหน้า แซงหน้าคนผิวขาวและผิวดำเจ้าของประเทศ โดยมีสาเหตุสำคัญคือ อาหารไขมันสูง และน้ำสะอาดที่ทำให้เด็กปลอดภัยจากโรคต่าง ๆ มากมาย
-ส่วนสาเหตุที่คนอ้วนระบาดไปทุกหนแห่งของโลก มาจากสาเหตุสำคัญสองประการคือ คนเหล่านั้นกินอาหารที่มีแคลอรีสูง และไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย
-หลายคนเป็นโรคหัวใจหัก หัวใจเดาะ ทำใจไม่ได้ จึงต้องหันมาพึ่งอาหารเป็นเพื่อนยามยาก กินไปเรื่อย ๆ จนหยุดการขยายตัวของกระเพาะไม่ได้
-การที่โลกนี้มีคนอ้วนมากขึ้น หากมองในแง่ดีก็น่าจะเป็นแนวโน้มที่ชี้ให้เห็นว่า เพื่อนมนุษย์ของเราบนโลกนี้เป็นโรคขาดอาหารกันน้อยลง ผู้คนมีรูปร่างจ้ำม่ำกันมากขึ้น
-เช่นที่เมืองไทย มีรายงานจากมูลนิธิสุขภาพแห่งชาติว่า ๔๓ % ของผู้หญิงไทยและ ๒๓ % ของผู้ชายไทยที่อาศัยอยู่ในเมืองมีรูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ ส่วนในชนบทอันห่างไกล ยังไม่มีรายงานระหว่างคนอ้วนกับคนหิวโซ ใครจะเพิ่มมากขึ้นกว่ากัน

มีบล็อคเป็นของตัวเองซะทีนะเรา

-อาศัยแต่สิ่งสู่อยู่ตามเว็บบอร์ดมานานร่วม3ปี บางที่คนเขาก็ชอบ บางที่คนเขาก็เกลียด เพราะแค่แสดงความเห็นแตกต่างจากคนอื่น และความเห็นนั้นก็ไม่ได้เป็นการหมิ่นประมาทใคร ถ้าผมจะด่าใคร ก็แปลว่าผมเป็นฝ่ายถูกกระทำก่อน และผมไม่ใช่ ตอหม้อรถไฟฟ้า ที่จะนิ่งสงบไม่ไหวติงให้เขาเล่นงานฝ่ายเดียว คราวนี้หล่ะ เราได้เป็นผู้ ควบคุม เองทั้งหมด ภูมิใจซะจริงๆเลย
-ขอบอกก่อนว่า เนื้อหาโดยรวม หือเรียกเป็นภาษาอังกฤษที่ดูดีว่า concept ของบล็อคของผมนี้นนั้น มีเนื้อหาเกี่ยวกับสิ่งต่างๆที่ผมชอบ หนึ่งในสิ่งที่ผมชอบคือ ดาราชายอ้วน และคนมีอายุ แบบเดียวกับที่แสดงอยู่ในบล็อคชื่อ chubsinpolitics ,chubbydaddies ,fatactors อันเป็นบล็อคในเครือเดียวกันกับของที่ผมใช้อยู่ ผมก็จะขุดเอารูป เสริมคำบรรยายโดยคร่าวๆประกอบ
-และอีกเรื่องที่ผมชอบและคือตัวคนของผมคือ รถยนต์ ครับ ผมก็จะขุดเอามาลงเท่าที่เวลาว่างจะอำนวย แต่ไม่ได้อยู่ในบล็อคนี้นะครับ จะอยู่ในบล็อคที่ชื่อ http;//goodmancarsforums.blogspot.com กระทู้เรื่องรถจะอยู่ที่นั่นหมด (ยกเว้นกระทู้หนึ่งที่อยู่ในนี้ ซึ่งตอนนั้นผมยังไม่ได้ตั้งบล็อคที่2ขึ้นมาครับ)
-และท้ายสุด จะเป็นการบ่น บ่นต่อสารพัดสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวผม และสิ่งต่างๆในสังคม ซึ่งภาษาอาจจะ Hardcore บ้างก้อย่าว่ากัน เพราะในเว็บบอร์ดอื่นๆก็หนักไม่แพ้กัน หรือหนักกว่าผมหลายเท่าตัว
-ข้อความที่ผมโพสนั้น เป็นข้อความที่ผมเคยโพสไว้ในที่อื่นแล้ว (ที่เดียวกับที่โดนเขาเกลียดนั่นแหล่ะครับ) บางบทความก็ขอนำมาจากแหล่งอื่นเช่นนิตยสาร เว็บบอร์ด หรือบล็อคอื่นๆ และผมจะยกเครดิตให้กับคนเขียนบทความนี้ทุกครั้ง บางบทความอาจจะดูเป็นวิชาการไปหน่อยโดยเฉพาะเรื่องรถยนต์ ที่นำมาลวงเพราะเป็นเรื่องดีที่ควรจะได้รับรู้เอาไว้ และสมควรที่จะเผยแพร่ให้ได้รับรู้อย่างกว้างขวางเป็นอย่างยิ่งครับ
-นึกไม่ออกแล้วจะเขียนอะไรต่อดี สำบัดสำนวนอาจจะไม่สวยสักหน่อยก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ