tag:blogger.com,1999:blog-82738834353306879152024-03-04T23:15:44.231-08:00Thaichaser : by GOODMANผมจะโพสเกี่ยวกับเรื่องคนอ้วน ดาราชายอ้วน และสารพัดสิ่งที่ผมรู้สึกต่อสิ่งรอบตัว และอยากที่จะบ่น
noinasang@yahoo.com พร้อมรับความเห้นทุกเรื่องเกี่ยวกับชายอ้วน/ชายแก่ หรือทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับที่นี่Thailandhttp://www.blogger.com/profile/13376830479428634145noreply@blogger.comBlogger52125tag:blogger.com,1999:blog-8273883435330687915.post-13638218257663166942013-05-17T00:54:00.000-07:002013-05-17T00:54:19.926-07:00ลาก่อน Richard Griffiths...หลับให้สบายนะ<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg11-x9mB6wikx2m4GdlNCOJbaKkAB6uVRSDdE_wtk6Mdjrnz39KkXPDJ19SA84wMie22cgjHr3WnX7xVGO22-vglQtTDisSeAR8-0NMIl4noZshjvDHi0NJRz0pTisVRj2IpMLxsk_td8a/s1600/104743284-251001_287612c.jpg" imageanchor="1" ><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg11-x9mB6wikx2m4GdlNCOJbaKkAB6uVRSDdE_wtk6Mdjrnz39KkXPDJ19SA84wMie22cgjHr3WnX7xVGO22-vglQtTDisSeAR8-0NMIl4noZshjvDHi0NJRz0pTisVRj2IpMLxsk_td8a/s320/104743284-251001_287612c.jpg" /></a>
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiMGGioODLp2lSXYx47hbk1IEshUSBL2upIWkdc6aP5qQWMzJXSj47doWOf8HfForsywEQMYB9EauzJjFkgyMjgAOsOW_Mv-NKAxdl84ixCBDlkmdqwuzz_FwhxvS-VfawG4X_mz9RtvuUP/s1600/equuspromo1.jpg" imageanchor="1" ><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiMGGioODLp2lSXYx47hbk1IEshUSBL2upIWkdc6aP5qQWMzJXSj47doWOf8HfForsywEQMYB9EauzJjFkgyMjgAOsOW_Mv-NKAxdl84ixCBDlkmdqwuzz_FwhxvS-VfawG4X_mz9RtvuUP/s320/equuspromo1.jpg" /></a>
R.I.P. Richard Griffiths...ขอให้นอนหลับอย่างสงบ ขอบคุณที่สร้า้งความบันเทิงทั้งในจอเงินและจอแก้วให้แก่พวกเราทั้งโลก รวมถึงในภาพยนตร์ที่เป็นอมตะตลอดกาลอย่างแฮร์รี่ พอตเตอร์...ปลายทางที่คุณไป คงมีโรงละครพร้อมเวทีที่อลังการณ์ ให้คุณทำการแสดงในบทบาทที่โดเด่นและยิ่งใหญ่ แก่สายตาของผู้คนที่อยู่ในปลายทางแห่งนั้น..หลับให้สบายนะครับ อย่างน้อยคุณก็ไม่ต้องทนทุกข์กับสรรพสิ่งบนโลกใบนี้แล้ว
Richard Griffiths : ชาตะ 31 กรกฎาคม ค.ศ. 1947 / มรณะ 28 มีนาคม ค.ศ. 2013 (อายุ 65 ปี)
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi42nD8P_TLkqHYMqmd3YDqEM65exzN-Kc7lX816jOoJrpIrPn_DLX5DNdyEwJ6K_FxXzMi8onnk1ZnNULDF9pCbYBXobh7JKLN8EfGEPz9-iR4IWKE4i36ENQ4L3hD-dcJ19fcWUv2KmQi/s1600/rg.jpg" imageanchor="1" ><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi42nD8P_TLkqHYMqmd3YDqEM65exzN-Kc7lX816jOoJrpIrPn_DLX5DNdyEwJ6K_FxXzMi8onnk1ZnNULDF9pCbYBXobh7JKLN8EfGEPz9-iR4IWKE4i36ENQ4L3hD-dcJ19fcWUv2KmQi/s320/rg.jpg" /></a>
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiK6Jg-o93-LKUWbsN66K3VrsYTRArLkTm-K9mesb6rzVVmVjX8s8K-sarCxopg1OLl0ktpkgPp2TZpyeFrdmq1aNBZdxHCsFwIFy3z5X_x8Avx6XcsGNvopYLDZA672NZNrQoMjyD0MSql/s1600/164086_114262648647727_2037018_n.jpg" imageanchor="1" ><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiK6Jg-o93-LKUWbsN66K3VrsYTRArLkTm-K9mesb6rzVVmVjX8s8K-sarCxopg1OLl0ktpkgPp2TZpyeFrdmq1aNBZdxHCsFwIFy3z5X_x8Avx6XcsGNvopYLDZA672NZNrQoMjyD0MSql/s320/164086_114262648647727_2037018_n.jpg" /></a>
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiLCCNiJ8sT6Bwl8W3ql2UoizIWLT3LOOjWKx1ZtuYo02YDuIdVN97H6AYS32L2Sh2MqH__a9LQw0FrKVTWbK9QeLp7cT4kyi5n4n0NdmORxif-8cQx0xVFEZbj4FNUC_5lRrmY1cJ4DXKr/s1600/vd.jpg" imageanchor="1" ><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiLCCNiJ8sT6Bwl8W3ql2UoizIWLT3LOOjWKx1ZtuYo02YDuIdVN97H6AYS32L2Sh2MqH__a9LQw0FrKVTWbK9QeLp7cT4kyi5n4n0NdmORxif-8cQx0xVFEZbj4FNUC_5lRrmY1cJ4DXKr/s320/vd.jpg" /></a>Thailandhttp://www.blogger.com/profile/13376830479428634145noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8273883435330687915.post-61026257918092857402013-05-17T00:49:00.000-07:002013-05-17T00:49:01.464-07:00ช็อก''ลุงเวอร์นอน''ลาโลก พ่อมด''แร็ดคลิฟฟ์''เศร้า ยกเป็นคนสำคัญในชีวิตช็อก''ลุงเวอร์นอน''ลาโลก พ่อมด''แร็ดคลิฟฟ์''เศร้า ยกเป็นคนสำคัญในชีวิต
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgQO7YGyByo3ey2hc3LrC6iZGNqvfNu6dJDtoVu2JTtmtHnYSlT2mAwDSY2j4Xd7SClHbnbpAcjWvWTf1WZwm9k1xvbXd_2wjqBi2zuPeupf5AGT5k2RSFuNz9Sp6RO1X93tAOp6SevA9vJ/s1600/richard-griffiths.jpg" imageanchor="1" ><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgQO7YGyByo3ey2hc3LrC6iZGNqvfNu6dJDtoVu2JTtmtHnYSlT2mAwDSY2j4Xd7SClHbnbpAcjWvWTf1WZwm9k1xvbXd_2wjqBi2zuPeupf5AGT5k2RSFuNz9Sp6RO1X93tAOp6SevA9vJ/s320/richard-griffiths.jpg" /></a>
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhggCf28zc_BJcDB1xbyx0iyEJ0tb7V3ad7lwZkc2DpTym3reMYux3O8ZL8hnQcIRL84FNtu1dlGZcLwF8gcrTJjRwcQ7CLuCE0HHTzpR6iBv00dye7KuIFxprq6lHUbaI_fFlRSxxXdduw/s1600/griffiths.jpg" imageanchor="1" ><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhggCf28zc_BJcDB1xbyx0iyEJ0tb7V3ad7lwZkc2DpTym3reMYux3O8ZL8hnQcIRL84FNtu1dlGZcLwF8gcrTJjRwcQ7CLuCE0HHTzpR6iBv00dye7KuIFxprq6lHUbaI_fFlRSxxXdduw/s320/griffiths.jpg" /></a>
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj_LeNgCx-IH4FhK9hxPhFkvRBpmsp0DLDn-2QomDY98RUrhztL_LXeEZqorxct7ihlCBB4KMQ3rDuRJyt92431NkgrHd8DUXbU_jrWVwk8UXTxOXSIcacLF7harP2-ur3dA_vntQkJlDAN/s1600/richard-griffiths-harry-potter.jpg" imageanchor="1" ><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj_LeNgCx-IH4FhK9hxPhFkvRBpmsp0DLDn-2QomDY98RUrhztL_LXeEZqorxct7ihlCBB4KMQ3rDuRJyt92431NkgrHd8DUXbU_jrWVwk8UXTxOXSIcacLF7harP2-ur3dA_vntQkJlDAN/s320/richard-griffiths-harry-potter.jpg" /></a>
วงการบันเทิงอังกฤษ ต้องพบกับข่าวความสูญเสียอีกครั้ง เมื่อ ริชาร์ด กริฟฟิธส์ นักแสดงสูงวัย ที่รู้จักกันดีกับบทคุณลุงเวอร์นอน เดอร์สลี่ย์ ในหนังพ่อมด ''Harry Potter'' เสียชีวิตอย่างกะทันหันจากโรคแทรกซ้อน หลังจากเข้ารับการผ่าตัดหัวใจในโรงพยาบาลแห่งมหาวิทยาลัยเมืองโคเวนทรี ทางตอนกลางของอังกฤษ เมื่อวันศุกร์ที่ 29 มี.ค. ที่ผ่านมา ด้วยวัย 65 ปี
ภายหลังรับทราบข่าวการเสียชีวิตนั้น ดาเนี่ยล แร็ดคลิฟฟ์ พระเอกหนุ่มคนดัง เจ้าของบทพ่อมดน้อย ''แฮร์รี่ พอตเตอร์'' ได้ส่งข้อความแสดงความอาลัยต่อการสูญเสียครั้งนี้ โดยยกย่องนักแสดงรุ่นเก๋าว่าเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือ, สั่งสอน และมีอารมณ์ขันที่ทำให้การทำงานเต็มเปี่ยมไปด้วยความสนุกสนาน
แร็ดคลิฟฟ์ ซึ่งร่วมแสดงกับ กริฟฟิธส์ ในละครเวทีเรื่อง ''Equus'' ด้วย กล่าวว่า ''ริชาร์ดอยู่ข้างผมระหว่างช่วงเวลาที่สำคัญมากที่สุดในอาชีพของผม 2 ครั้ง เมื่อเดือน ส.ค. 2000 ก่อนหน้าที่จะมีการถ่ายทำหนังเรื่องพอตเตอร์ อย่างเป็นทางการ พวกเราได้ถ่ายทำภาพยนต์นอกเดอร์สลี่ย์ ซึ่งนั่นเป็นการถ่ายทำในฐานะแฮร์รี่ครั้งแรกของผม''
''ผมเกร็งไปหมด ซึ่งเขาก็ทำให้ผมรู้สึกสบายใจมากขึ้น 7 ปีถัดมาพวกเราร่วมแสดงในเรื่อง Equus ด้วยกัน นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเล่นละครเวที ซึ่งผมก็หวั่นกลัว และกำลังใจ, การสั่งสอน และอารมณ์ขันของเขาทำให้งานมันเต็มไปด้วยความสนุก''
สำหรับกริฟฟิธส์นั้นยังได้รับการยกย่องอย่างสูงจากการแสดงละครเวทีเรื่อง ''The History Boys'' ในนครนิวยอร์ก และกรุงลอนดอน ซึ่งเขารับบทเป็นเฮ็คเตอร์คุณครูนอกกรอบ และในปี 2006 นั้นบทบาทจากละครเรื่องนี้ทำให้เขาชนะเลิศรางวัลโทนี่ อวอร์ดส์ ซึ่งเป็นเกียรติยศสูงสุดของละครบรอร์ดเวย์ นอกจากนี้ยังร่วมแสดงในหนังโจรสลัดเรื่องฮิต Pirates of the Caribbean: On Stranger Tides ด้วย
ส่วนชีวิตส่วนตัวนั้น กริฟฟิธส์คบหากับ ฮีเธอร์ กิ๊บสัน ดาราสาวชาวอังกฤษ เมื่อปี 1973 ก่อนที่พวกเขาจะแต่งงานกันในปี 1980 โดยที่ไม่มีทายาทเอาไว้สืบสกุลแต่อย่างใดThailandhttp://www.blogger.com/profile/13376830479428634145noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8273883435330687915.post-65872432038103103552013-05-17T00:43:00.000-07:002013-05-17T00:43:26.781-07:00คุณรู้จัก 3G บนคลื่นความถี่ 2100 MHz มากแค่ไหน? ย้อนความไปถึง 3G ที่เอาคลื่นความถี่เดิมมาใช้คือ AIS ใช้คลื่น 900MHz และจับมือกับ TOT คลื่น 2100MHz ส่วน dtac, TruemoveH นั้นใช้คลื่น 850MHz มาทำ 3G หากมองในท้องตลาด เวลาเราซื้อมือถือ เรามักจะพบชื่อรุ่นที่วงเล็บว่า (900) หรือ (850) นั่นหมายถึงว่า สมาร์ทโฟน แท็ปเล็ตที่ขายในไทยนั้น มีการแบ่งรุ่นออกเป็น 2 รุ่นคือ รุ่นที่รองรับ 3G 900MHz / 2100MHz จะใช้งานกับ SIM AIS, TOT อย่างพวก i-Mobile 3GX ได้ หากใช้ TruemoveH, dtac จะใช้งานกับรุ่น 3G 850MHz / 2100MHz หากใครซื้อไปผิดรุ่น อาจจะใช้งานได้ไม่เต็มที่ อย่างเช่นใช้ Samsung Galaxy SII รุ่นรองรับ 3G 900MHz แต่เอาซิม TruemoveH ที่รองรับ 3G 850MHz มาใช้ สามารถใช้งานร่วมกันได้ แต่จะไม่เสถียร โดยโอปอเรเตอร์ และผู้ผลิต จะไม่รับรองว่า คุณจะใช้เครือข่ายได้อย่างไม่ติดขัดใดๆ อย่างผู้เขียน ใช้ Samsung Galaxy SII รุ่น 900MHz แต่ใช้ซิม TruemoveH 3G 850MHz ไม่ตรงกับรุ่น สามารถใช้งานได้ แต่มีบางจังหะ สัญญาณแกว่ง สัญญาณหาย ขี้นเตือน data roaming ข้อมูล จะพบอาการแบบนี้เป็นประจำ ดังนั้น ไม่น่าแปลกใจ หากใช้ซิมเครือข่าย 3G ที่ไม่ตรงกับรุ่น
แต่สำหรับ 3G 2100MHz นั้น คุณจะต้องสำรวจอุปกรณ์ของคุณเสียก่อน โดยปกติแล้ว สมาร์ทโฟน แท็ปเล็ตในไทย แม้ว่าจะรองรับ 3G 850MHz และมีการขายรุ่น 900MHz แยกกัน แต่อย่างไรก็ตาม รุ่นเหล่านี้เมื่อใช้กับ 3G 2100MHz สามารถใช้งานได้ร่วมกันได้แทบทุกรุ่น (ส่วนเครื่องนอก ต้องรบกวนตรวจสอบก่อนใช้งาน)
ยกตัวอย่าง Samsung Galaxy ACE2 ที่มีจำหน่ายรุ่น 3G 900MHz แต่ก็รองรับ 3G 2100MHz ด้วย นั่นหมายความว่า หากคุณใช้ซิม TruemoveH, dtac ที่รองรับ 3G 850MHz หากต้องการใช้งานบน Samsung Galaxy ACE2 รุ่น 900MHz สามารถยื่นคำจำนงค์ขอเปลี่ยนค่ายไปใช้ 3G 2100MHz ก็สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องซื้อเครื่องใหม่ (แต่หากไม่ต้องการย้ายค่าย การใช้ซิม 850MHz บนเครื่องที่รองรับ 3G 900MHz อาจจะให้ผลในการใช้งานเครือข่ายที่ไม่สมบูรณ์นัก เช่น ใช้งานได้เฉพาะ EDGE แต่ใช้ 3G ไม่ได้ เพราะไม่ตรงรุ่น) ทางที่ดีย้ายค่ายมาใช้คลื่น 2100MHz จะใช้งานได้ดีกว่า
การอ่านสเปคเครื่อง แนะนำให้อ่านจากเว็บไซต์ของผู้ให้บริการ และผู้ผลิตบนเว็บไซต์ภาษาไทย เพื่อให้ทราบว่า ทางศูนย์ฯ ได้นำเครื่องรุ่นใดบ้าง ที่รองรับ 3G 2100MHz มาจำหน่าย ซึ่งปกติแล้ว สมาร์ทโฟน แท็ปเล็ต ล้วนแต่รองรับ 3G 2100MHz แทบทั้งสิ้น
ค่าบริการ
จากข่าวที่ว่า จะมีการลดค่าบริการลง 15% ตรงนี้ทุกสิ้นเดือนผู้ให้บริการต้องส่งแพคเกจที่เปิดให้บริการในเดือนนั้นๆ มาให้ กสทช. พิจารณา เพื่อใช้ในการคำนวณ ว่าค่าบริการลดลง 15 เปอร์เซ็นต์จริงหรือไม่ ถ้าไม่ จะมีมาตรการบังคับ เริ่มตั้งแต่การมีหนังสือเตือนไปยังบริษัทเพื่อให้ปรับลดราคาลงตามขั้นตอน ต่อไป
เตรียมตัวย้ายค่าย
ในช่วงที่มีการให้บริการ 3G 2100MHz จริงๆมีการทดสอบก่อนหน้านี้แล้ว บางคนอาจจะเคยค้นหาสัญญาณเจอ 3G 2100MHz ของผู้ให้บริการที่กำลังทดสอบการให้บริการอยู่ แต่ไม่สามารถใช้งานได้ หากต้องการใช้งาน จะต้องยื่นความจำนงค์ขอเปลี่ยนย้ายเครือข่าย เพราะในทางกฏหมายแล้ว ไม่ใช่ว่าถ้าเจอสัญญาณ 3G 2100MHz แล้วคุณจะจับสัญญาณใช้งานได้เลย (แม้ว่าตัวเครื่องจะรองรับ) แต่จะต้องย้ายค่ายตามข้อกำหนด นั่นหมายถึงการเปลี่ยนซิม หรือใช้ซิมเดิม แต่จะต้องติดต่อผู้ให้บริการเพื่อขอย้ายค่ายไปใช้ 3G 2100MHz
ผู้ใช้ 3G 2100MHz ต้องมีการย้ายค่าย
ผู้ใช้คงจะพอคุ้นเคยกับ Mobile Number Portability หรือที่เรียกย่อว่า MNP หรือภาษาชาวบ้านว่า “ย้ายค่ายเบอร์เดิม” การใช้ 3G 850MHz เดิม แล้วจะไปใช้ 3G 2100MHz ใหม่ จำเป็นต้องย้ายค่ายตามขั้นตอนปกติ (ตามกฏหมาย) ไม่ใช่การจับสัญญาณแล้วใช้ได้เลย ส่วนจะทำได้เมื่อไหร ต้องรอการประชาสัมพันธ์จากผู้ให้บริการอีกครั้ง
เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ตัวเครื่องของเรา รองรับ 3G 2100MHz หรือไม่
ข้อมูลจากการตอบกระทู้ Pantip จาก callcenter@ais.co.th แนะนำว่า “สามารถ กดตรวจสอบคุณภาพ SIM ว่ารองรับการใช้งานคลื่นความถี่ 2100 ได้ง่าย ๆ ผ่าน *570# โทรออกครับและ *571# โทรออกเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติเครื่อง”
เงื่อนไขในการใช้บริการ
ในกรณีผู้บริโภคที่ใช้ซิม 3G บนคลื่น 2.1 GHz (3G ใหม่) กับโทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นที่รองรับระบบ 3G ใหม่ (ส่วนใหญ่ 2100MHz) สำหรับผู้บริโภคที่ใช้ซิม 3G ใหม่ แต่นำไปใส่ในโทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นเก่าที่ไม่สามารถรองรับระบบ 3G ใหม่ การใช้งานของท่าน ก็จะยังวิ่งอยู่บนโครงข่าย 2G เดิม เปรียบเสมือนผู้บริโภคกำลังใช้โทรศัพท์ระบบ 2G เดิมอยู่ ดังนั้น ควรตรวจสอบรุ่นของตัวเครื่องกับผู้ให้บริการ และผู้ผลิตก่อน
จากที่กล่าวมาข้างต้น ขอทำความเข้าใจให้ตรงกันว่า หากเดิมใช้ 3G 850MHz, 900MHz อยู่ แล้วเปลี่ยนค่ายไปใช้ 3G 2100MHz แล้ว หากต้องการใช้ 3G 850MHz ก็ต้องเข้าข้อกำหนดของการย้ายค่ายตามกฏของกสทช.ตามปกติ ไม่สามารถ swap ไปใช้คลื่น 850 สลับกับ 2100MHz ได้ แต่การย้ายค่ายอาจจะไม่ยุ่งยากเหมือนกับการย้ายค่ายแบบเดิม ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่า หากย้ายไปใช้ 3G 2100MHz ก็น่าจะมีการโรมมิ่งการใช้งานในบางสถานที่มาใช้ 3G 850MHz ด้วย เพราะสัญญาณจะได้ครอบคลุมทุกพื้นที่
สำหรับตัวเครื่อง Samsung เพิ่งปรับราคาลงต้อนรับการเปิดตัว Samsung Galaxy S IV (S4)
ส่วน Truemove เดิม (ไม่ H) และ DPC 1800MHz ที่จะสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในเดือนกันยายนนี้ มีข่าวว่าจะต้องรีบเคาะประมูลคลื่น 1800MHz โดยเร็ว เพื่อป้องกันปัญหาซิมดับ ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไม่ปลื้ม ร้องเรียนได้
หากอัตราค่าบริการไม่ลดลง 15% ตามที่ กสทช. ได้ประกาศไว้ แนะนำให้ตรวจสอบโทรศัพท์เคลื่อนที่ของท่านก่อนว่ารองรับระบบ 3G ใหม่ได้หรือไม่ สำหรับผู้บริโภคที่ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 2G เดิม สำนักงาน กสทช. ได้มีหนังสือถึงผู้ประกอบการ ให้ตรวจสอบและดูแลคุณภาพการให้บริการที่ดี และหากผู้ใช้บริการพบปัญหาเกี่ยวกับการใช้บริการ อาทิ สายหลุด โทรติดยาก ความเร็วอินเทอร์เน็ตลดลง ฯลฯ สามารถร้องเรียนมายังสำนักงาน กสทช. ผ่านช่องทาง Call Center 1200 หรือ SMS 1200 ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หรือร้องเรียนผ่านทางโทรสาร 0-2271-3516 และที่อีเมล์ 1200@nbtc.go.th Thailandhttp://www.blogger.com/profile/13376830479428634145noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8273883435330687915.post-82073929527678562512012-10-18T00:28:00.000-07:002012-10-18T00:29:24.681-07:00ทำไมถึงไม่ควรข้าม 3G ไป 4Gคลื่น 2100 MHz เอาไปทำอะไรได้บ้าง
คลื่นย่าน 2100 MHz Band1 (Downlink 2110 – 2170 MHz และ Uplink 1920 – 1980 MHz) ที่ประมูลกันในประเทศไทยในนี้ ตามที่ ITU กำหนดมานั้นมีไว้ให้บริการสำหรับการโทรคมนาคมระบบ WCDMA รวมถึง LTE ด้วยครับ ทั้งนี้มีประเทศที่ใช้คลื่นย่าน 2100 MHz เดียวกันนี้ติดตั้ง 4G LTE คือญี่ปุ่นครับ และที่สำคัญ iPhone 5 รุ่นที่จำหน่ายนอกสหรัฐฯ ก็รองรับคลื่นย่านนี้ในระบบ LTE ด้วยเหมือนกันและสำหรับเงื่อนไขใบอนุญาตที่ระบุไว้ในข้อกำหนดการประมูลของ กสทช. ดังนี้
ข้อ ๑๕ ขอบเขตการอนุญาต
ผู้รับใบอนุญาตมีสิทธิให้บริการโทรคมนาคมในลักษณะของการให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคม เพื่อให้เช่าใช้และเพื่อให้บริการโทรคมนาคม (Network Provider and Service Provider) และการให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกด้านโทรคมนาคม (Telecommunications Facility) โดยมีขอบเขตในการประกอบกิจการโทรคมนาคมดังกล่าวทั่วราชอาณาจักรไทย ทั้งนี้ กิจการโทรคมนาคมที่ได้รับอนุญาต ให้รวมถึงลักษณะและประเภทของบริการ ดังนี้
(๑) บริการโครงข่ายโทรคมนาคมไร้สาย
(๒) บริการโทรคมนาคม ดังนี้
(๒.๑) บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่
(๒.๒) บริการพหุสื่อความเร็วสูง (Public Broadband Multimedia Service)
(๒.๓) บริการมูลค่าเพิ่ม (Value-added Service) ของบริการโทรคมนาคมที่ได้รับอนุญาต
(๒.๔) บริการขายส่งบริการ สำหรับบริการในข้อ (๒.๑) (๒.๒) และ (๒.๓)
(๓) บริการสิ่งอำนวยความสะดวกด้านโทรคมนาคม (Telecommunications Facility)
ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตประสงค์จะประกอบกิจการกระจายเสียง หรือกิจการโทรทัศน์ จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
จะสังเกตว่าในขอบเขตใบอนุญาต ไม่ได้มีการระบุเทคโนโลยีการให้บริการใดๆ ทั้งสิ้น หมายความว่า ถ้าผู้ให้บริการรายใดพิจารณาแล้วว่าเหมาะสม ก็สามารถแบ่งคลื่น 2100 ที่ประมูลได้บางส่วน (หรือทั้งหมด) ไปทำ LTE ด้วยก็ได้ครับ
แล้วทำไมไม่ติดตั้ง 4G ไปเลย?
ใช่ว่าของใหม่ทุกอย่างจะดีกว่าของเก่านะครับ คือระบบ 4G LTE เนี่ย เนื่องจากมันเปลี่ยนระบบจาก 2G/3G ไปเกือบหมดเลย ทำให้มีปัญหาตัวใหญ่สุดคือ
“มันยังโทรออกผ่าน LTE ตรงๆ ได้ไม่สมบูรณ์”
มีใครอยากได้มือถือมาเล่นเน็ตอย่างเดียวไม่โทรออกบ้างมั้ยครับ (มีแหละ แต่คงไม่เยอะขนาดนั้นหรอก) หมายความว่าถ้าผู้ให้บริการติดตั้ง LTE อย่างเดียว การโทรออกทั้งหมดก็ต้องโรมมิ่งกลับไปยังเครือข่าย 2G ที่กำลังจะหมดสัญญาสัมปทาน และต้องโอนคลื่นความถี่พร้อมทรัพย์สินคืนไปให้ผู้ให้สัมปทาน แล้วจะประมูลคลื่นไปทำไม? และพอ 2G หมดสัญญาสัมปทานแล้วอะไรจะเกิดขึ้นบ้างก็ยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่ด้วย (แต่เดี๋ยวพอทรูมูฟหมดสัญญาสัมปทานปีหน้าแล้วก็รู้กัน)สาเหตุสำคัญอีกประการคือ นอกจากไอโฟนห้าแล้ว ทุกวันนี้มือถือที่รองรับ LTE ยังมีในตลาดไม่กี่สิบรุ่นเท่านั้น แถมราคาก็ยังคงอยู่ในระดับเดียวกันกับไอโฟนนั่นแหละครับ คนที่มีกำลังทรัพย์พอจะใช้ได้ก็คงเป็นคนในกรุงอย่างเดียว
สรุปแล้วคือ… ไม่มีประโยชน์ที่จะข้ามไปติดตั้ง LTE เพียวๆ โดยไม่ลงทุนติดตั้งระบบ 3G WCDMA ครับ แต่ถ้าติดตั้งปนกันไปเลยบางพื้นที่ก็เป็นไปได้ (เช่นในห้าง) ติดตั้ง 3G 1-2 ช่องสัญญาณ แล้วเอา LTE มาช่วยลดภาระการใช้งานช่องสัญญาณอินเทอร์เน็ตในช่องที่เหลือ แบบนี้ก็จะทำให้ใช้งานช่องสัญญาณได้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิมเยอะครับ
ทำไม LTE โทรออกไม่ได้?
อันที่จริงจะบอกว่าโทรไม่ได้ก็ไม่เชิงนะครับ แต่เนื่องจาก LTE เนี่ย เป็น IP-Based network คือมันเป็นโครงข่ายอินเทอร์เน็ตไร้สายระยะไกลเต็มรูปแบบเลย คือตั้งแต่มือถือจับสัญญาณได้ ก็ได้ IP แล้ว ไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแยก แล้วโยนระบบ circuit switch ที่ใช้เป็นช่องสัญญาณสำหรับการคุยกันด้วยเสียงทิ้งไป ทำให้บริการแบบเดิมๆ ที่อิงกับระบบ circuit switch คือ โทรศัพท์ผ่านระบบมือถือ หรือแม้กระทั่ง SMS ใช้การไม่ได้โดยสิ้นเชิง ต้องเปลี่ยนโครงสร้างระบบใหม่ทั้งหมด เป็นการโทรผ่านอินเทอร์เน็ตแทน (นึกภาพเหมือนเราต่อ WiFi โดยไม่มีสัญญาณมือถือได้ครับ ลักษณะเดียวกัน)
ปัญหาที่สองคือ แล้วเราจะอ้างอิงเบอร์ได้ยังไงในเมื่ออยู่บน internet มันไม่มีเบอร์โทรศัพท์ (มีแต่หมายเลข IP)
ปัญหาที่สาม (ถ้าเกิดโทรได้) ถ้าโทรๆ อยู่สัญญาณ LTE หาย ต้อง switch กลับไปหา 2G/3G จะทำไงให้คุยได้ต่อเนื่อง
ปัญหาที่ว่ามานี้ ทางออกกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาครับ โดยใช้เทคโนโลยีชื่อว่า VoLTE (Voice over LTE) ซึ่งมันใหม่กว่า LTE ปกติอีก และอุปกรณ์ที่รองรับก็มีน้อยมากๆ เข้าไปอีกครับ (เท่าที่ตรวจสอบมาได้มี Samsung Galaxy SIII และ LG Optimus II รุ่นพิเศษที่วางขายในเกาหลีเท่านั้น)Thailandhttp://www.blogger.com/profile/13376830479428634145noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8273883435330687915.post-5177809947642284652011-04-20T11:37:00.001-07:002011-04-20T11:39:51.319-07:00พีทและคุณอาร่างอ้วนสวัสดีค่ะ พีท คนเดิมเองนะค่ะ ใครหลายคนอาจจะจำไม่ได พีท ที่ถูกฉีดยา Jet10 จากที่เป็นสาวบริสุทธ์ต้องร่านหีให้ผู้ชายเย็ดถึง 10 คนในวันเดียวนั้นแหละค่ะ แม้ว่าเวลาจะผ่านมานานพอสมควรแต่ยังหวาดกลัวไม่หายเลยค่ะ ทุกวันนี้พีทกลายเป็นคนกลัวเข็มฉีดยาไปแล้ว แต่อีกอย่างหนึ่งที่ยังไม่หายนั้นคืออารมณ์เงี่ยนของพีทค่ะ พีทกลายเป็นสาวไฟแรงที่ต้องการหาน้ำเงี่ยนมาโดยตลอดค่ะ แต่ก็ไม่อยากที่จะไปหาใครดังนั้นทางเลือกที่พีททำได้แม้จะไม่อยากทำ นั้นคือให้เจ้าน้องชายมาเย็ดค่ะ บางทีก็ให้เพื่อนของมันและน้องรหัสสวิงกิ้งค่ะ แต่อุปสรรคก็ยังมีอยู่นั้นคือพีทไม่ได้ชอบเจ้าพวกนี้สักเท่าไร พีทกลับโหยหาถึงอาจารย์แก่ๆ กับเสี่ยอ้น สงสัยว่าพีทจะเป็นพวกชอบลุงแก่ๆซะแล้วสิค่ะ<br /> หลังจากเหตุการณ์ไม่นาน แม้ว่าพีทจะมีน้องชายคนระบายความอยาก แต่แล้ววันหนึ่งเกรดของมันก็ตกทำให้พ่อสั่งให้มันไปเรียนต่อต่างประเทศค่ะ เมื่อน้องชายหายไปพวกเพื่อนๆและน้องรหัสก็ไม่มีข้ออ้างจะมาที่บ้านอีกต่อไป อ้อ ไอ้โน๊ตตอนนี้มันบ้าไปแล้วค่ะ คือว่าหลังจากพีทพ้นความตายมาได้ พีทก็ได้ฉีดยา jet10 ให้มัน แต่ลองคิดดูสิค่ะ หน้าตาอย่างมันใครเค้าจะเอา ในที่สุดมันก็ต้องไปเย็ดกับหมาตัวเมีย แล้วไม่รู้ทำไมมันกลายเป็นบ้าหลงรักหมาไปเลยค่ะ พูดภาษาคนไม่รู้เรื่อง พ่อแม่มันก็เลยเอามันกลับต่างจังหวัดไป พีทเหงาค่ะอยากจะไปแอ่นหีให้อาจารย์กับเสี่ยอ้นจังเลย แต่ก็ทำไม่ได้ค่ะ เพราะกลัวเรื่องจะแพร่ออกไป ทำไงดีค่ะเนี้ย<br /> แต่แล้วเหมือนสวรรค์จะเข้าข้างค่ะ เกือบเดือนที่พีทได้แต่ทนเหงา อาวรณ์พล ที่หนูเคารพรักก็มาเห็นเรื่องราวนั้น ในตอนแรกพีทกลัวอาจะไปฟ้องพ่อ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นค่ะ จนหนูสงสัยว่าอาปิดบังเพื่อช่วยเหลือหนู แต่วันหนึ่งเนื่องจากพ่อแม่ไปต่างจังหวัด เจ้าน้องชายก็ไปอยู่เมืองนอก ก่อนพ่อแม่จะไปได้ขอให้อาวรณ์พลเป็นคนดูแลหนู หลังจากกลับจากมหาวิทยาลัยหนูก็เปลี่ยนชุด ถอดกระโปรงออกเป็นกางเกงขาสั้นมากๆ ตัวหนึ่ง แล้วก็ไปกินข้าวที่บ้านของอาวรณ์พลค่ะ ก็เหมือนปกติที่เคยเป็นมา ที่เรานั่งกินข้าวกันอยู่แค่ 2 คนค่ะ แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือความรู้สึกค่ะ หนูรู้สึกอายที่ต้องโชว์อะไรหลายอย่างให้อาเห็น หนูไม่รู้หรอกค่ะว่าอาเค้ารู้สึกอย่างไร แต่ในระหว่างกินข้าวกันมีช่วงหนึ่งที่อาทำช้อนตกและมุดลงไปที่ใต้โต๊ะ หายไปนานเลยค่ะ ตอนแรกหนูก็ไม่ได้คิดอะไร แต่แล้วกลับรู้สึกมีมือมาลูบๆขาของหนู ใช่แล้วค่ะอาวรณ์พลนั้นเอง <br /> “พีท จ๋า ขาสวยจริงๆ อาทนต่อไปไม่ไหวแล้ว”<br /> “อย่าค่ะ อาวรณ์พล” พีทต้องเล่นตัวนิดหน่อยค่ะ เดี๋ยวใครจะว่าเอา อิอิ<br /> “อย่าอะไรกันละ พีท อาเห็นตั้งแต่วันนั้นแล้ว พีทออกจะเป็นสาวใจแตก จะอายอะไรอีกละ”<br /> “ไม่ดีหรอกค่ะคุณอา อุ๊ย” พีท เผลอครางออกมา ก็มือของอาวรณ์พลสิค่ะ ไม่อยู่สุด ลูบไปมาข้างนอกกางเกง แต่มันเสียวจนรู้สึกได้เลยค่ะ<br /> “เสียวไหมละ”<br /> “สะ เสียวค่ะ อาค่ะหยุดเถอะ”<br /> “พีทจ๋า อาเลี้ยงดูหนูมาตั้งแต่เล็ก อายังเคยอาบน้ำให้เราเลย แต่อาไม่ได้เห็นของพีทมานานแล้ว ขออาดูหน่อยนะจ๊ะ”<br /> “อาค่ะ จะดูอะไรค่ะ”<br /> หนูยังพูดไม่ทันจบ อาวรณ์พลก็ปลดซิปกางเกงของหนูลง แล้วอาก็รูดกางเกงลง จนกางเกงในของหนูที่ตอนนี้เปียกเยิ้ม โผล่ออกมาให้เห็น<br /> “อูยยย นูนสวยจริงๆเลยหลานจ๋า”<br /> หากใครมองเข้ามาตอนนี้ คงจะเห็นสาวหุ่นดีนั่งอยู่บนเก้าอี้กินข้าว โดยมีชายวัยกลางคนอายุกว่า 50 รูปร่างอ้วน ผมล้านๆ กำลังคุกเข่า เอามือถูไปมานอกกางเกงใน ส่วนมืออีกข้างก็ล้วงเข้าไปในเสื้อนักศึกษาของหญิงสาว <br /> “อาค่ะ ทำแบบนี้มันไม่ดีนะค่ะ หยุดเถอะ”<br /> “ไม่ดียังไงละ เรายังทำให้อาดูมาแล้วเลยนิ ขออาดูใกล้ๆเถอะนะ”<br /> อาวรณ์พลก็ถอดกางเกงในหนูออกไป แกเอาไปสูดดมอย่างกระหาย นอกจากนี้ยังปลดกระดุมชุดนักศึกษาของหนูออกจนหมด สติหนูกระเจิงไปหมดแล้วค่ะ ถึงแม้ว่าอาวรณ์พลจะโสด แต่จากที่พ่อเล่าให้ฟังมา อาวรณ์พลเป็นคนที่เจ้าชู้ติดอันดับของจังหวัดมาก่อน ฟันมาแล้วไม่เลือก ก็คงไม่แปลกหรอกค่ะ ที่อาจะมีลีลาชั้นเชิงขนาดนี้ หนุ่มที่เคยผ่านมาแล้วของหนูสู้อาไม่ได้เลยค่ะ<br /> ไม่ทันไรหลังจากหนูโดนถอดจนหมดตัว อาวรณ์พลก็ถอดชุดของอาออกจนหมด เมื่อแกรูดกางเกงในออก เจ้ามังกรน้อยก็โผล่ออกมาให้เห็น มันไม่ใหญ่มากเท่าไรแต่ที่น่าตกใจคือความยาวของมันค่ะ มันยาวกว่าที่พีทเคยเห็นมาทั้งหมด<br /> “อาค่ะ ทำไมมันยาวขนาดนี้ มันจะเข้าไปได้หมดหรอค่ะ”<br /> “ได้สิ หีเล็กๆกว่านี้ยังเคยเอาเข้ามาแล้ว จะไปนับอะไรกับหีนูนๆใหญ่ๆสวยๆอันนี้ละจ๊ะ” ว่าแล้วอาวรณ์พลก็เอาเจ้ามังกรถูไปมาหน้าปากถ้ำของพีท ใบบางครั้งมันก็ถูไปโดนเม็ดเสียว จนพีทต้องครางออกมา<br /> อ๊า ซี๊ดดดด<br /> “เสียวแล้วหรอจ๊ะ ช่วยอมให้อาหน่อย”<br /> ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่พีทลงมานอนกองกับพื้น เมื่ออาขอให้อม พีทที่ตอนนี้ควบคุมตัวเองไม่อยู่ก็รีบคว้ามาอมอย่างหิวโหย ด้วยความยาวของควยอาวรณ์พล ในบางครั้งมันก็เข้าไปลึกจนทำให้พีทสำลัก เมื่อพีทโม๊คได้ไม่นาน อาก็ชักออกมา แล้วจับไปที่ปากถ้ำ<br /> “หลานจ๊ะ พร้อมจะเปลี่ยนสถานะกับอาหรือยัง”<br /> “พร้อมแล้วค่า ผัวขา”<br /> “ดีมากจ๊ะ เมีย”<br /> ว่าแล้ว อาวรณ์พลก็เสียบควยเข้าไปในหีของพีท ด้วยความที่พีทเคยมาหลายควยแล้ว ก็เข้าได้ไม่ยาก แต่ความยาวของมันสิค่ะ ลึกเข้าไปจนชนมดลูกของพีทเลยทีเดียว<br /> โอ๊ยๆๆๆ ผัวขา เมียเจ็บๆๆๆๆๆๆ<br /> “ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ เดี๋ยวก็หาย”<br /> อาวรณ์พลไม่หยุดที่จะซอย เสียงเนื้อกระทบกันดังมาโดยตลอด พีทที่โหยหามาเป็นเดือนก็ได้ปลดปล่อย พีทครางอย่างดังแบบไม่แคร์สายตาใคร เพราะรู้ค่ะว่าไม่มีใครที่จะได้ยิน ในตอนแรกอาวรณ์พลก็ใช้ท่าปกติ แต่แล้วก็ค่อยๆเปลี่ยนท่าค่ะ ไม่ว่าจะให้พีทขย่มเอง และที่สำคัญอาวรณ์พลยังจับพีทไปยืนข้างหน้าต่าง ให้เหมือนกับวันนั้นที่อาเค้าเห็น พีทเสียวกระสันมาก จนน้ำแตกไปหลายที แต่อาวรณ์พลยังไม่แตกเลยสักทีค่ะ มันแทบจะทำให้พีทขาดใจตาย แต่ในที่สุดก็แตกค่ะ อาวรพลน้ำแตกเข้ามาในร่างของหนู มันอุ่นจนหนูสะดุ้งค่ะ<br /> เมื่อเสร็จภารกิจ อาก็ได้บอกว่าวันนั้นอาเห็นโดยตลอดและเก็บเอาไปช่วยตัวเองอยู่โดยตลอด ไม่คิดว่าจะได้มาทำจริงๆกันหลานคนนี้ อาบอกค่ะว่า จากนี้ไปอาจะขอเป็นป๋าดูแลพีทเอง และการที่อาเป็นป๋าของหนูก็ทำให้พีทได้ไปเจอประสบการณ์ต่างๆมากมายค่ะ เพราะว่าอาวรณ์พลเป็นสมาชิกของหลายๆกลุ่ม และมีแต่พวกเฒ่าหัวงูทั้งนั้นเลยค่ะ<br /> <br />ตอนที่ 2<br />สามวันผ่านไป ที่หนูกับคุณอาวรณ์พลได้มีความสัมพันมากกว่าการเป็นแค่อาหลาน และเปิดเผยความต้องการที่แท้จริงในเรื่องความสุขทางเพศแก่กัน ซึ่งก็คือ การที่คุณอาวรณ์พลอยากเห็นหนูแต่งตัวเอ็กส์ๆไปยั่วพวกเฒ่าหัวงู คนแก่หน้าตาบ้านๆ ให้เกิดอารมณ์และอยากเย็ดหนู หนูเองพอได้ฟังทีแรกก็ถึงกับคันหีขึ้นมายิบๆ และเราก็เริ่มกันในวันนั้นตอนบ่ายแก่ๆ<br />วันนี้มันพาหนูไปยังห้างขายเสื้อผ้าแห่งหนึ่ง จะมีเป็นร้านย่อยๆหลายๆร้านติดๆกัน แต่อยู่ในตัวอาคารติดแอร์เย็น เป็นร้านขายเสื้อผ้าผู้หญิง พวกเสื้อยืด กางเกงยีนส์ เสื้อไซร์เล็กๆ แต่จัดหน้าร้านไม่สวย เหมือนร้านขายส่งมากกว่า ร้านนี้ไม่ค่อยมีคนเข้าออกพลุกพล่านสักเท่าไหร่ และแค่หนูเห็นเจ้าของร้านซึ่งเป็นอาแปะตัวอ้วนพุงพลุ้ย หนูก็เริ่มเด่าแผนการได้ทันที หนูให้เข้าไปในร้านแล้วหาเสื้อไซส์เล็กสักตัวไปลองในห้องลอง แล้วนั่งตกเบ็ดรออยู่ในนั้น มีอะไรจะโทรบอก ระหว่างนั้แปะอ้วนนั่นก็แทะโลมหนูด้วยสายตาแทบตลอดเวลา ซ฿งก็เข้าทางพอดี หนูก็เลือกเสื้อแล้วเดินเข้าไปในห้องลองเสื้อ หนูเข้าไปปิดมิดชิด ในห้องก็ไม่ใหญ่ไม่เล็กมีจักรเก่าๆ...เสื้อผ้าเป็นพับๆไว้กองสูงเต็มผนัง เปิดไฟที่เพดานสลัวๆ ตรงสุดห้องทำเป็นที่ลองชุด ไฟนีออนสว่างมาก มีราวม่านปิด มีกระจกบานใหญ่ ม่าน แล้วแก้ผ้าแหกหีช่วยตัวเองตามที่มันสั่ง โดยนั่งบนโซฟาที่มีในนั้น หนูก็ใช้นิ้วแยงจนหีแฉะน้ำเยิ้ม ลูบไล้ตัวอย่างร่านสุดๆ และระหว่างที่หนูกำลังเพลินๆอยู่นั้น มือที่กำลังเบ็ดอยู่ก็โดนมือดีมาดึงออก. “.อุ้ย..!!...” หนูลืมตาขึ้นทันที ก็แปะน่ะสิคะ...เข้ามายืนพุงพลุ้ยอยู่ตรงหว่างขามิ้น เสื้อผ้าก็ไม่ได้ใส่ซักชิ้น ควยแกยื่นออกมายาว แกว่งกระดกหงึกๆอยู่ตรงหน้าหนู หัวสีม่วงบานยังกะดอกเห็ดแน่ะ แล้วมันก็ปรี่เข้ามอปล้ำหนูแล้วกอดจูบหนู แล้วขย้ำนมพร้อมทั้งดูดอย่างเอาเป็นเอาตาย หนุก็ปล่อยเลยตามเลยเพราะมันส์อยากนี่คะ ... เผลอหน่อยเดียว...แปะก็เสือกควยลื่นเข้ามาแน่นเต็มท้องน้อยมิ้นเลย...ดังกรึ่บ.. <br />“ซี๊ดดด อ อ อ้า” หนูร้องครางออกมาด้วยความเสียวแบบสุดๆง<br />“.อ่าา..า...อ่าา..า..หีตอดจิงๆอ่า...” แปะกดหนักลึกแช่เข้ามาแน่นเต็มรูหีไปหมดค่ะ หมอยสากๆหยาบๆของแกบดกับเจ้าขนฟูของพีชแนบแน่นเลย. แกขยับตูดควงบด แตดมิ้นก็โดนหมอยแกสี.คันๆ.เสียวๆ. เล่นเอามิ้นต้องเหลือกตาเลยค่ะมันแ่น่นไปหมด “.โอย.ซื้ดด..” พีชครางออกมาแบบไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้จะอ่อยแต่มันเสียวจริงๆ... แปะเลยยิ่งได้ใจ. เดินเครื่องสาวควยใหญ่. กระแทกเข้ามาแต่ละทีเหมือนจะฆ่ากันให้ตาย. ปั้บบบ.ปั้บบบ.ปั้บบบบ. รู้สึกเหมือนว่าแกสาวควยรูดออกปากรูหีพีชยาวเป็นคืบๆเลยค่ะ...ยาวมาก...แล้วก็กดเข้ามามิดหนอกอย่างแรง... ปั้ก...ปั้กก....ปั้กกก.... <br />“..ไอ้หยา.ทั้งลื่นทั้งดูด..อืยย.บุญควยอั๊วะจิงๆ..อูยยย.” แกทั้งสาว ทั้งอัดแรง. อัดมิดแต่ละทีพุงพล้วยๆของแกก็เข้ามาตีที่หน้าท้องพีชดัง.แปะ.แปะ<br />“.โอยย.ใหญ่ชิหายเลย.นมลื้อเนี่ย..อ่าาา.า.” แกกระดกก้นเย็ดพีชไป ตาก็มองนมพีชไปบีบไป บีบแรงเหมือนจะให้มันแตกงั้นแหละ. เจ็บๆค่ะแต่เสียวมากกว่า. ปั่บบ.ปั่บบบ.ปั่บบ. เสียงเนื้อกระแทกเนื้อดังต่อเนื่อง <br />“.อ๊อยยย..อื๊ยย..ย..ซี้ดด...ด...แปะ.เบาๆหน่อยก็ได้.หีฉีกหมดแล้ว.อื้ยยย.ย.” พีชแบอ้าขาเต็มที่ ก้นเริ่มแอ่นเด้งโคกหีรับควยแกไปกัดฟันไปค่ะ. <br />“.มันหีแล้วหล่าซี.อืยย..ย. แรดๆแบบนี้อั๊วะชอบ.อ่าาา..าา.” แกซอยก้นเร็วขึ้นไปอีก.ป้าบๆๆๆๆ..ป้าบๆๆๆ. ควยแกอัดเข้ามาลึกค่ะ.บดมดลูกแทบบี้. ท่านี้มันลึกมากขอบอกค่ะ. <br />“.อื้ยยยยๆๆๆๆๆ.แปะ..อื้ยยยๆๆๆๆๆๆ..” แต่พีชก็กำลังไต่บันไดสวรรค์ขึ้นไปเรื่อยๆแล้วซี้ดด..ด... <br />แปะเร่งเครื่องเหมือนรู้ใจค่ะ.. แกเอามือสองมือของแกมายันที่เบาะโชฟาข้างๆตัวพีช หนูเอามือสองข้างกำไว้ที่ต้นแขนแกแน่นเลยหละ.. ตูดแปะก็กระเด้าเข้ามาอย่างแรง พีชแหกขากว้าง...เด้งหีรับอัดเข้าหาจังๆ เนื้อตัวสั่นไปหมด เ้ต้านมมันแกว่งสบัดกระเพื่อมตามแรงที่โดนแปะอัด...พีชก้มลงมอง...นมมันเด้งเหมือนจะหลุดจากเต้างั้นแหละ...ซี้ดด.แต่ไ่ม่เห็นควยแกสาวเข้ารูหีหรอกค่ะเพราะพุงแกปิดมิดหมด... <br />“..อื้ยยๆๆๆๆๆๆๆ..แรงๆ...อ่าาาาาา.แรงๆเลยแปะ..ซี้ดด..ดด.” พีชมองหน้าแปะกัดฟันสูดลมซื้ดด...เข้าปอด...มันใกล้เต็มแก่แล้วค่ะ... หน้าแกแดงก่ำ เหงื่อไหลโชก พุงแกก็กระเพื่อมๆ... ดูแล้วก็อุบาทนะคะแต่แหม...ควยแกอัดเข้ามาแรงแบบนั้น...อุบาทยังไงพีชก็ขอมันหีไว้ก่อนหละ... จวนเจียนเต็มที่แล้วด้วย...แปะสาวก้นกระแทกเข้ามาทั้งแรงทั้งเร็ว...ปั้กกๆๆๆ...ปั้กกๆๆๆ... <br />“....ซื้ดดด...แปะแรงๆอีกสิ...โอ้ววว..วว...แรงๆอีกสิแปะขา....โอ้ววว...อื้ยยยยๆๆๆๆๆๆ....” ปั่่บบๆๆๆๆๆ...ปั่บบบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ... แปะเร่งสุดแรงค่ะ... พีชก็เด้งโคกหีปะทะสุดแรงเหมือนกัน...ซื้ดด..ดด.. หีพีชน่ะแหกไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้... ปั๊บบบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ...ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ... <br />“.....โอ๊ววว...ซี้ดดด...ไม่ไหวแล้ว...โอ๊ววว..วววว.....วววววววววว..ววว...ววว<br />ววววววววววว....” ระเบิดแตก...ซี้ดด..ดด.. อ้าปากหวอเลย...ตาลอย...ซ่า....าา.... กำต้นแขนแปะแน่น...ตัวมิ้นกระตุกๆหงึกๆ...เกร็งไปทั้งตัวค่ะ..... ฮึก.......ฮึก........... ฮึก...... หายใจสะอึกๆ...เหมือนเด็กพยายามจะหยุดร้องไห้... หน้าร้อนฉ่าเลย... โพรงหีพีชตอดควยแปะที่คาลึกอยู่แรงมาก...ตุบๆ...ตุบๆ...ตามจังหวะสะอึก....อืยย..ยย...ย... <br />“...โอยย...ยย...ตอดแรงชิหาย...อูยย.....” แกเอามือสองข้างของแกมาบีบเค้นที่เต้านมของพีชอย่างแรงเลยค่ะเหมือนคนหมั่นเขี้ยว..<br />.ตัวมิ้นก็ยังกระตุกงึกๆ...แต่จังหวะเริ่มห่างขึ้น...หอบหายใจ...ฮื่อ....ฮือ... แปะก้มหน้าเข้ามาประกบจูบ...พีชก็หลับตาแลกลิ้นไปเลยค่ะ...กำลังซ่าๆ...ลอยๆ...ไม่ได้คิดไรหรอกค่ะ...ดูดกันจนปากเยิ้มแปะก็ดันตัวขึ้น... <br />“...ลื้อขึ้นสวรรค์ไปแล้วตาอั้วะบ้างหละ...อืยยย...” แปะยิ้มหื่นๆ... แกจัดท่าให้มิ้นนอนยาวลงไปบนโซฟา แกสอดตัวเข้ามานอนทาบทับพีช ทั้งพุงทั้งนมแกนาบตัวนาบนมพีชแนบไปหมด เหงื่อแกลื่นเต็มตัวค่ะ รู้สึกขยะแขยงเหมือนกัน <br />“.แปะเดี๋ยวก่อนซี. หนูพึ่งเสร็จเสียวหีเกิน. อย่าพึ่งเย็ดสิ..” พีชบอกไว้ก่อนค่ะ กลัวโดนอัดต่อยาว ดูท่าทางแปะแกไม่เสร็จง่ายด้วยซี. พีชเลยขอพักหีก่อนค่ะ เดี๋ยวจะกรี้ดสลบอีก แล้วถ้ามาสลบในที่แบบนี้นะ. ก็ไม่รู้ชะตากรรมน่ะสิคะ มาต่อแล้วค่ะ หลังจากพีชเสร็จไปทีนึงแล้ว แต่ดูท่าทีแปะยังน่ะสิ.... พีชเลยต้องเบี่ยงเบนความสนใจแกค่ะ มิ้นดันตัวขึ้นมานั่ง เอามือจับควยแกถอกเล่นๆไปมา. ลื่นมากเลย ลื่นมือ.. ยาวไม่ใช่เล่นนะคะ. <br />“..อืยย.. ลื้อดูดควยให้อั้วะด้วยซี..” แปะมองพีชตาเยิ้ม. มิ้นเลยจัดการสงเคราะห์ให้แบบมันปากไปเลยค่ะ. บ๊วบๆ.บ๊วบๆๆ.บ๊วบ.อ่า..าา.บ๊วบๆๆ.ๆ <br />“.โอวววว..ววว. ดูดดีทั้งปากล่างปากบนเลยนะลื้อเนี่ย.โอ้ววว..วว.” แปะครางยาวท่าทางสะใจแกแหละ <br />พีชดูดเน้นที่หัวควย สลับกับอมรูดที่ลำควยน่ะสิ ไม่มีจำเจค่ะ. ดูดจนน้ำลายย้อยคางแหละ แปะคงกลัดมันมาก แกดึงควยออกจากปากมิ้นเอง แล้วดันตัวมิ้นลงนอนบนโชฟาอีก อารมณ์มิ้นเริ่มกลับมาเพลินๆอีกแล้วสิ.แต่ก็คิดไรได้ไม่นานค่ะก็โดนกดควยหนอกควยประกบเข้ามาบดโหนกหีพีชอีกแล้ว.... มันลื่นมากก็เข้าพรวดเดียวมิดค่ะ... <br />“...ซี้ดดดดด...ดดด...” พีชครางยาวเพราะมันเสียววาบเข้ามาเลย... แกประกบปากจูบเข้ามาอีก... พร้อมกับเริ่มจังหวะซอยก้น...ยึก...ยึก... ...อืม...จุ๊บๆ..จ๊วบๆ....พีชแลกจูบสู้ พร้อมเอาสองมือไปลูบไปขยำก้นแปะที่กำลังกระดกกระเด้า... เห็นแกลงพุงแบบนั้นนะคะแต่ก้นยังแข็งใช้ได้เลยหละ... จับไปก็พอรู้สึกสยิวได้บ้าง... หีก็ลื่นควยก็ลื่น...มันค่ะ... แปะก็เอาใหญ่ ทั้งเสย แทงซ้ายที ขวาที... มีบด มีควง.โอยย..ยย...สาวควยสั้นๆซะเมื่อไหร่หละ...ซี้ดด..ดด... พีชแบหีรับกระบวนท่าแทบไม่ทันเลยหละ... <br />“...อึ้บ....อึ้บ...ฮึ้บ....ฮึ้บ....มังควยจิงๆ...” แกสาวถอกควยแกเข้าออกรู้หีพีชท่าทางมันในอารมณ์... <br />“...โอยย...แปะ...ซี้ดด...ดดด...เย็ดมันจัง...ซี้ดดด..ดด..” พีชเอียงหน้าหลบจูบแกออกมาอ้าปากร้องคราง... เสียงปึ่กๆ..ๆๆๆ...ถี่ๆ ที่โคกหีพีชที่ถูกโหนกควยแปะตีเบาบ้างดังบ้างดังเข้าหูตลอด..ปั่กๆๆ.ปั่บๆๆ...มันหีเพลินหีจนลืมตัวไปเลย... <br />“...โอยย...ซี้ดดด...ด...มันจังเลยแปะ...ซี้ดด...ด..อูวว..วว.ย.” พีชครางร่านเริ่มไร้สติ... แปะเอาแขนยันตัวเองขึ้น แกยืดตัวตรงเอามือจับหัวเข่าพีชอ้าออกกระเด้าเข้ามาอย่างแรงเลย...ป้าบบบ..ป๊าบบ.. <br />“.โอ้วว..วว.ซู้ดดด.ดดด.” ปั่บๆๆ.ปั่บๆๆ.มิ้นอ้าปากค้าง. เต้านมพีชมันก็ตีเด้งสุดๆ... แปะมองตาเยิ้มเลยค่ะ... เร่งเย็ดเร็วขึ้นแรงขึ้นไปอีก... ตัวพีชเขย่าตามจังหวะ... หัวเลยกระแทกไปที่พนักพิงแขนของโชฟาจนพีชต้องเอามือสองข้างไปดันไว้...ปั่บ...ปั่บ.<br />..กึง...กึง... เสียงเนื้อกระแทกเนื้อ กับเสียงโชฟากระแทกฝาห้องดังปนกันมั่ว... <br />“...อืยย...ซี้ดด...อื้ยยย...อัดแรงจัง...อื้ยย...” พีชกัดฟันคราง จ้องตาแปะแบบมันในอารมณ์ค่ะ... แปะก็เอื้อมมือมาบีบนมพีชที่กำล้งเด้งๆอย่างแรงเชียวเหมือนคนหมั่นเขี้ยว... <br />“...นมลื้อหย่ายจิงๆ....อืยยๆๆๆๆ...” แกอัดควยแรง...ป๊าบๆ...ป๊าบๆ...ไม่่รู้แค้นพีชมาจากไหน... <br />“...อ๊าาาย...ยย...ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ...” พีชอ้าปากค้างเลย...ทั้งเสียวทั้งจุก...แกโหมกระแทกอยู่พักใหญ่ก็ค่อยๆผ่อนจังหวะลง<br />... พีชน่ะหอบแฮ่กๆเพราะได้หายใจทั่วท้องซักที... แปะจับหัวเข่าพีชสองข้างมาประกบกันใิ้ห้ิพีชนอนตะแคงข้าง ก้นพีชก็แอ่นให้แกสอดควยเข้ามาพอดีๆ... รูหีมันตีบขึ้นน่ะสิคะ... เสียดสีสุดๆ...ซี้ดด..ดด.. แกสาวควยเข้าออกอยู่สี่ห้าทีก็ทำปากเบี้ยวๆ... <br />“...อืยยย..ยย......เย็กมันเป็นบ้า....อืยยย..ยย..” แกสาวควยกระเด้าแรงขึ้น...ปั่บๆๆ....ปั่บๆๆ..... พวงใข่ห้อยๆยานๆของแกแกว่งเข้ามาตีแก้มก้นพีชเต็มๆดัง...แป่ะ...แป่ะ...แกตั้งหน้าตั้งตาอัดเข้ามาไม่หยุด...มือก็เอื้อมมาขยำนมพีชไปด้วย บีบปลิ้นจนแดงไปทั่วเต้าแล้ว... <br />“...โอ่...เย็กมันจิงๆ....นมก็หย่าย...หีก็หย่าย...อืยยย..” ปั่บ..ปั่บ...ปั่บ....พูดเสร็จก็็อัดมาซะแรงเลย... <br />“...โอ้ยยย.ซื้ดดด..ดดด....หีแหกหมดแล้ว...โอ้ย..ยย...” <br />“...หีลื่นแบบนี้... ยังไงก็ไม่แหก..อืยย...อืยย...” ยิ่งเราร้องเจ็บ ดูแกยิ่งหื่นค่ะ...สงสัยซาดิสเล็กๆ... สาวเกือบหลุดหัวควย.อัดลำลื่นรูดกลับเข้าอัดมาในรูหีแบบสุดแรง. ป๊าบ!..ป๊าบ!..ป๊าบ!... <br />“...โอ้ยย.ซื้ดด..ด.โอ้ยยย.โอ้ย.ยย..!...” พีชแหกปากครางดังเลยหละ...มันทั้งครูดโพรงหี ทั้งอัดปากมดลูก จุกๆ...เสียวๆ...อัดลึกขนาดนี้...กระแทกมดลูกแทบยู่ค่ะ... แต่ดูแกไม่ปราณีพีชเลย ยิ่งมิ้นร้อง...แกก็ยิ่งอัดหนักขึ้นหนักขึ้น...ป๊าบ!...ป๊าบ!...ป๊าบ!... <br />“....โอ้ยยย....โอ้ยยย...ซี้ดดด..ดด... แปะไม่ไหวนะ...อย่าอัดลึก...โอ้ยยย...” มิ้นกางมือไปดันไว้ที่หน้าท้องแปะค่ะ...พยายามยันก้นหนีควยแก...อัดแรงมากเลยอ่ะ... <br />“...แรดๆอย่างลื้อต้องเย็กแรงๆ..อ่าา...อ่า....” แปะกลัดมันหนัก... พอเห็นพีชขยับตูดหนีแกก็จับขามิ้นยกชี้เพดาน สอดตัวเข้ามากอดขามิ้นแนบไปกับลำตัวแก หีเลยอ้ารับควยมิดยันโหนกแบบเต็มๆสิ... พีชยันข้อศอกซ้ายดันตัวขึ้นเอียงๆ แขนขวาก็เอื้อมไปดันเบาะด้านหลังเพื่อพยุ่งตัวค่ะ... แปะแกกดบดลำควยเข้ามามิดโคนจนไม่รู้จะมิดเข้ามาได้ยังไงได้อีก..แต่แกก็พยายามกดเข้า<br />มาอีก..หัวควยแกมาบดมาบี้มดลูกมิ้นเต็มๆ... <br />“...โอยย...ย....ซู้ดดด...ดด...อืยยย...ยยย..” ครางกระเส่าเลยค่ะ มันเสียวถึงกึ๋นจริงๆ... <br />“...อ่าาา... มันหัวควย....อืยย..ยยย...” แกบดควยกดควงถูหัวควยบี้กับมดลูกพีชจนสาใจแก ก็เริ่มสาวควยกระเด้าต่อ... กระจกที่ติดอยู่ที่ผนังฝั่งตรงข้าม บานใหญ่พอที่จะทำให้พีชเห็นตัวเองกำลังนอนตะแคง ยกขาขวาเหยียดตรงแนบไปกับตัวอาแปะลงพุงคนนึง ก้นแกเนี่ยซอยกระดกเชียว...ยิ่งเห็นตัวเองถูกเล่นท่าแบบนี้...ความมันก็พุ่งจี้ดขึ้นมา... มองตัวเองโดนเย็ดในกระจกไป...พีชเอาลิ้นแลบออกมาเลียริมฝีปากตัวเอง...เอามือมาบีบคลึงเต้านมตัวเอง...ทำท่าแรดร่านแบบนางเองหนังเอ็กซ์ฝรั่ง.. แปะหันมามองกระจกบ้าง...แกยิ้มหื่นๆดูท่าทางสะใจมาก แปะกระเด้าเย็ดไม่หยุดพยายามเอามือกอบพุงห้อยๆของแกยกขึ้นให้พีชเห็นลำควยแกที่กำลังวิ่งรูดเข้ารูดออกรูหี... แรงกระแทกของแกก็ยังไม่ตกซักนิดค่ะ...ปั้บๆๆ...ปั้บบๆๆ... ลำควยเยิ้มน้ำเป็นมันปลาบวิ่งพรืดเข้าพรืดออก... แคมในอ่อนๆของพีชมันก็แลบปลิ้นลู่ตามลำควย...เห็นแล้วหวาดเสียวสุดๆ... <br />“...ซื้ดด..ดด..อืยย..ยย...” พีชเอามือไปลูบโหนกหีเล่น... เอานิ้วไปสัมผัสลำควยแปะที่วิ่งเข้าออกรูหียังกะลูกสูบ...ปั้กกๆๆ...ปั้กกๆๆ... เสียงเนื้อกระแทกกันดังไม่หยุด...ตัวพีชกระเืทือนตามจังหวะอัดควยแน่นๆของแปะ และอยู่ๆก็มีใครบางคนเข้ามาในห้อง อาวรณ์พลนั่นเอง<br />“ไงพีช อาแปะแกเย็ดมันส์สมใจอยากมัยหล่ะ” อาพูด ไอ้แปะก็ตั้งหน้าตั้งตาเย็ดหนูต่อไป<br />“หีมันตอดดีจริงๆเลยหว่ะ”ไอ้แปะพูดระหว่างตั้งหน้าตั้งตาซอยต่อไป<br />“ไม่ผิดหวังใช่มั๊ยหล่ะแปะ เธอทำได้แทบทุกแบบเลยหล่ะ” อาพูด ว่าแล้วอาก็แก้เสื้อผ้าตัวเองจนเห็นลำควยที่ผงาดแข็งเต้มที่ คราวนี้หนูจะดนทั้งคุณอาและไอ้แปะนี่รุมเย็ดพร้อมกันเลยเหรอเนี่ย<br />“เอ้า อมอีกสักควยด้วยสิ” คุณอาจัดการยัดลำควยเข้าปากหนูทันที หนูก็อมให้อย่างไม่ขัดขืน สักพักไอ้แปะก็เปลี่ยนท่ามานั่งบนโซฟา โดยให้เรานั่งขย่มควยมัน ปากก็ยังดูดควยคุณอาไม่ขาด ก้นของมิ้นที่นั่งทับหน้าขาแปะอยู่ตอนนี้ก็โดนแปะจับโยกขึ้นลงด้วยจังหวะคงที่อย่างต่อเนื่อง...ประมาณครึ่งนึงของความยาวลำควยแกค่ะที่แปะแกดึงระยะอยู่... จึ่บ..จึ่บบ.จึ่บ..ๆๆ..ๆ... เสียงรูตูดเยิ้มน้ำยางที่กำลังดูดลำควยแปะดังขึ้นมาเบาๆ... <br />“...อืมมม...ม....” มิ้นเลียริมฝีปากตัวเองรอบ... “...อืยย..ซื้ดด...โอยย..ลื่นจัง...โอยย...ซู้ดด..ดด...” ก้มลงมองเนื้อตรงหนั่นสะโพกก็เริ่มเต้นเป็นลูกคลื่นเบาๆค่ะ..... สะเทือนมาถึงเต้านมที่กระดอนโยนตัวขึ้นเด้งกระเพื่อมเล็กๆเหมือนกัน... มิ้นยืดแขนข้างนึงไปทางด้านหลังเอามือดันไว้ที่หัวไหล่แปะ... ยันแขนตึง...ขยับสะโพกขึ้นลงเองเสริมจังหวะแปะบ้าง... <br />“...ซี้ดดด...ดดด...มันจัง...อื๋ยย..ยย...ซื้ดดด..ดดด...” มิ้นเหลียวหลังไปจ้องตาแปะ... กัดริมฝีปากล่าง... แปะก็จ้องตามิ้นคงเงี่ยนไม่แพ้กันค่ะ.มิ้นทำปากจู๋.สูดปากยั่วแปะ. แปะคงหมั่นไส้มั้งคะ แกเอื้อมมือมาบีบคลึงเต้านมมิ้นแรงบ้าง เบาบ้าง... ตอนนี้รูตูดมิ้นก็ลื่นมากๆแล้ว. แปะจับโยกขึ้นลงคล่องแคล่วไม่มีติดขัดเลย. เพลินมากๆ สวรรค์ดีๆเลยค่ะ มิ้นเริ่มขยับก้นสวนจังหวะแปะเบาๆ <br />“.เย็ดซี..เย็ดเลย.ซี้ดดด..ดด.โอวววว..ววว..วว..ว..” ร่านมากแล้วค่ะ แปะกับคุณอาเลยรีบจัดท่า ให้มิ้นเอนตัวนอนหงายไปบนตัวแปะ หน้าแปะมาซุกอยู่ข้างแก้มมิ้น ควยแกยังคารูตูดมิ้นอยู่สุดลำ คุณอาจับขามิ้นแหกอ้าไปข้างลำตัว. มิ้นต้องเหยียบเท้าบนเบาะโชฟาเพื่อพยุงตัว. คุณอาก็สอดประกบตัวเข้ามาประชิดค่ะ..มันค่อยๆกดหัวควยของมันบดเข้ามาตรงปากรูหี. เล่นจับหัวควยมันวนๆอยู่ตรงปากรูค่ะ จะเข้าก็ไม่เข้า. <br />“..ซื้ดด..ดด.. เสียวนะแบบนี้.อืยย..ยย. กดมาซี..ซู้ดดด.ดด..ด.” มิ้นเอามือไปจับลำควยของคุณอาดึงกดเข้ามาในรูหีตัวเอง. คุณอาก็ยิ้มใหญ่ เอื้อมมือมาขยำบี้บดเต้านมมิ้น.มือเค้นๆคลึงๆวนๆ. <br />“เย็ดเก่งจริงๆนะเนี่ย” พูดเสร็จคุณอาก็ค่อยโน้มตัวมาคร่อมตัวมิ้น กระดกก้นกดควยเข้ามาในรูหีอย่างช้าๆ<br />“..โอยยย.ออยยย..ซี้ดดด.ดด.” มิ้นครางร่านเลย รู้สึกเหมือนกับว่ามิ้นเองกลายคนที่กลัดมันแทนคุณอาและไอ้แปะนั่นไปซะแล้ว. มิ้นเอาแขนคล้องคอมันโน้มลงมาเอาปากประกบจูบเองเลย หลับตาอ้าปากงับปากมันแบบไร้ยางอายค่ะ แหย่ลิ้นใส่ปากมันด้วย ร่านจนหูื้อื้อตาลายไม่รู้ใครเป็นใครแล้วหละ. <br />“.อืมม.อืม..ม..จ๊วบ..จุ๊บ.อืม.” มิ้นกับคุณอากัดปากดูดปากแลกกันไปมาเพลินมาก. เผลอแป๊บเดียวมันก็เริ่มสาวควยรูดเข้ารูดออกรูหีมิ้นแล้วซี. <br />“.โอ๋ววว.ซู้ดด..ดด.โอ๊ววว..วว..อาา.า..ซื้ดดด.ด.” มิ้นเอียงหน้าออกมาครางเสียงหลงเลย. แถมมีควยแปะคารูตูดไว้อีก แทบขาดใจ มันสุขจนแทบสำลัก. คุณอาเพิ่มจังหวะขึ้นเรื่อยๆ <br />“.อ๋าาา.าาา.ซซซ.ซู้ดดด.ดด..อื๋ยยยย..ยยยย..อ๊าาาา.” มิ้นกระดกเด้งโคกหีรับ ควยคุณอา ควยในรูก้นของแปะ ก็บดควงข้างในอีก. รู้สึกเหมือนควยสองแท่งมันกำลังฟาดฟันกันค่ะ ถูไถไปมาอยู่ในตัวมิ้น. โอย.หัวควยก็อัดจุดจีข้างใน อีกควยก็อัดมาลึกจนเสียวสันหลัง.ตีกันฉับๆอยู่ในท้องน้อย. มิ้นครางไม่ได้ศัพท์เลย. ทั้งเสียว ทั้งมัน. <br />“..อ๋าาาา.าาา.าา.ซื้ดดด.ดด.ด..โอ๊ววว.วว..ว.อื้ยยยยๆๆๆๆๆ..” มิ้นแทบไร้สติแล้ว. คุณอากับแปะก็พลิกจัดท่าใหม่อีก คราวนี้ ให้คุณอาไปกึ่งนอนกึึ่งนั่งบนโชฟาแทนแปะค่ะ ให้มิ้นคร่อมควยหันก้นให้แปะที่ยืนข้างหลังเอาควยกดเข้ารูตูดมิ้นเข้ามาอีก ตอนนี้คนที่ขยับได้สะดวกก็เปลี่ยนเป็นแปะแทน หีมิ้นอมควยของคุณอามิดยันโคนเหมือนกัน คุณอาขยับไรไม่ได้มาก ก็เหมือนบดๆมากกว่า แต่แปะเนี่ยสิคะ แกไม่รอช้าเลย. สาวควยรูดเข้ารูดออกรูตูดมิ้นเหมือนกำลังเอาหีอย่างนั่นแหละ.. <br />“.โอยยย.แปะ.เย็ดแรงอ่า..า.อืยยย.ยยยย.ซื้ดด..ดด..” มิ้นเหลียวหลังไปมองแก กัดปากเลย มันเสียวค่ะ รูตูดมันรัดดูดควยแปะแรงมาก.กระตุกยึกๆ.. แต่ลืมเจ็บไปแล้วน่ะสิ. เพลินรูสุดๆเลย ไม่อยากเสร็จเลยค่ะ กลัวเหนื่อย. อยากสนุก สุขๆแบบนี้ไปนานๆ. แต่ดูท่าทางแปะแกคงไม่ไหวแล้วหละ. เล่นซอยซะ.. ปั่บๆๆ..ปั่บๆๆ.ปั่บๆๆ. ตีเนื้อปลีก้นมิ้นเต้นเป็นลูกคลื่นลย. ปั่บบ.ปั่บบ.ปั่บ..ๆๆ.ๆ. มิ้นควงก้นวนๆ ควงซ้าย ควงขวา สวนรับควยแปะทุกจังหวะค่ะ. เหลียวหลังไปมองหน้าแก หน้าแดงก่ำเลย. คุณอาที่แม้แค่บดๆแต่ดูหน้าแกแล้วดูเหมือนใกล้ถึงจุดสุดยอดเต็มที<br />“.ฮือออ.ออออ. อั๊วะจาแตกแล่วว..วว... โอ่่่่ววว..ววว.วว.”ปั่บบบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ.ปั่บๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ. แปะปล่อยแรงกระเด้ามาเฮือกสุดท้าย. <br />“.อื๋ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย.ๆๆๆๆๆๆๆๆ.” มิ้นครางตามไม่ทันเลย. เร็วมาก. แล้วแปะก็ครางเสียงหลงค่ะ. <br />“.โฮ๋ววววววววววววว.วววว.ววว.วว.ว.” คุณอาก็ครางออกมาและออกแรงกดควยร่วมด้วย ทั้งคู่กดควยเข้ามามิด ไม่รู้ลึกไปถึงไหนต่อไหน. แต่มิ้นเสียวสันหลังวาบเลยตอนน้ำเชื้อแปะกระตุกฉีดเข้ามาในรูตูดแบบนั้น. มือสองข้างแปะขยำจิกตรงหนั่นสะโพกมิ้นแรงจนเจ็บเลย.. ควยแกก็เต้นตุบๆ ตุบๆ.. จังหวะเด๊ยวกันใบหน้าของคุณอาก็กระตุกเกร็ง แล้วฉีดน้ำเงี่ยนเข้ามาเต็มหีหนู ทั้งหีทั้งตูดแทบร้อนวูบวาบเลยค่ะ<br />“..อื๋ยยยย.ยยยย. แปะ..ซื้้ดดดด.ดด.. อื๋ยยย.ยยยย.” มิ้นกัดฟันสิคะ ในรูตูด.น้ำเชื้อมันเข้ามาเต็ม<br />. “..โอววว. รูตูดยังตอดเลยนะลื้อเนี่ย..โอยยย.ยย.ย.”.พอควยแปะหลุดออกมาดังบั๊วะ. แล้วก็รู้สึกว่ามีน้ำเงี่ยนอุ่นๆไหลเยิ้มออกมาเต็มไปหมด หนูค่อยๆถอนหีออกจากลำควยคุณอา ทันทีที่ยืนขึ้น น้ำเงี่ยนของคุณอาที่สะสมอยู่ในหีก็ไหลทะลักออกมาบนพื้น รวมกับน้ำเงี่ยนของแปะที่อยู่ก่อนหน้า<br />“..ไอ้หยา.อาาา..าา..า..บานทั้งหีทั้งตูดเลยนะเนี่ย.” ไอ้แปะพูดหลังเห็นสภพาหีและตูดของหนู ตอนนี้รู้สึกโล่งกลวงไปหมดทั้งรูตูดรูหี ความอายหายไปหมดสิ้น <br />“ร่านๆแบบนี้ แหล่ะแปะ ถึงเย็ดมัน และทำได้ทุกแบบ เงี่ยนอยากเย็ดอีกก็บอกมาได้นะแปะ”คุณอาพูด ความสัมพันแบบอาผู้เอ็นดูหลานสาวแต่ก่อน คุณอาที่ดูมาดใจดีเวลาอยุ่ต่อหน้าลูกหลาน ตอนนี้แทบไม่มีอีกแล้ว หนูแทบจะเป็นแค่กะหรี่ร่านๆที่เย็ดกับใครก็ได้ที่คุณอาพามาให้เย็ด<br />แต่วันนี้ยังไม่จบ เพียงไม่กี่นาทีหลังจากหนูหยุดดื่มน้ำที่พวกมันเตรียมให้ ก็มีเสียงเจี้ยวจ้าวพร้อมกับคนอีก5คนเดินเข้ามา ตายห่า อาแปะแก่ๆอีก5คน 3คนในกลุ่มอ้วนยังกะพระสังกัจจายแบบไอ้แปะที่เพิ่งล่อหนูสองรอบรวดไปสักครู่ 2คนที่เหลือในกลุ่มก็ผอมเป็นกุ้งแห้ง หนึ่งในนั้นไว้เคราแพะด้วย แถมสามคนในนั้นก็หัวล้าน แม้ทุกคนจะเปลือยแค่ท่อนบนและใส่กางเกงแพรอยู่ แต่ควยที่ตุงและสีหน้าแสนหื่นกามพวกมันก็รู้เลยว่าคืนนี้หนูได้มีผัวเป็นอาแปะแก่ๆเพิ่มอีก5คนแน่ๆ ซึ่งพวกมันก็คือคนขายเสื้อผ้าแถวนี้ที่คุณอากับอาแปะตีวเริ่มเย็ดเราไปพามันมา <br />“ร่านๆอย่างพีทเนี่ย ให้อาแปะพวกนี้เอาทำเมียพร้อมกันคงไม่หนักไปหรอกนะ” คุณอาพูดขึ้น พวกมันก็ลงมือแก้ผ้าแล้วเย็ดหนูกันไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ทั้งเย็ดแบบเรียงคิว ทั้งแซนด์วิช แต่ละคนก็ควยใหญ่และยาวไม่ใช่เล่น และมีช่วงหนึ่ง ที่หนูถูกไอ้แปะตัวอ้วนอีกคนในกลุ่มเย็ดหีโดยหนูคร่อมตัวมันอยู่ และอาแปะตัวผอมอีกคนในกลุ่มก็เย็ดตูดอยู่ ไอ้แปะตัวผอมอีกคนหนึ่งในกลุ่มก็รอไม่ไหว<br />“อั๊วรอม่ายหวายเลี้ยว ขอเสียบเข้าหีอีนี่เลยแล้วกัน” ไอ้แปะอ้วนคนนี้มันจะเย็ดหีหนู โดยไอ้แปะอ้วนอีกคนที่หนูคร่อมตัวมันอยู่ยังกระเด้าหีหนูอยู่ ตายแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เราจะโดนแบบสองอันในหนึ่งรู แค่คิดก้สยองแล้ว และยังไม่ทันที่หนูจะพูดอะไรหรือคิดอะไร ไอ้แปะคนผอมคนหนึ่งก็เอาควยยาวๆเสียบเข้าหีหนูโดยที่ควยไอ้แปะอ้วนยังคาอยู่ มันค่อยๆดันลำควยเข้ามาจนหนูรู้สึกได้ถึงความคับแน่นพร้อมความเสียวแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ใจหนึ่งก็กลัว แต่ถูกความเสียวเข้าครอบงำหมดแล้ว หนูแทบครางลั่นแต่เสียงก็ได้ยินไม่มากเพราะปากก็ถูกควยของอาแปะอ้วนที่เย็ดหนูในตอนแรกกระเด้า หนูเองก็ไม่เชื่อว่ารูหีหนูจะรับการเย็ดแบบพิสดารได้ขนาดนี้<br />สภาพตอนนี้คือ หนูกำลังขย่มลำควยตัวไอ้แปะอ้วนคนหนึ่งในกลุ่ม และโดนเย็ดหีแบบสองควยในหนึ่งหี โดยควยไอ้แปะผอมคนหนึ่งในกลุ่มที่ดันเข้ามาทีหลัง ตูดหนูก็โดนไอ้แปะคนผอมอีกคนเย็ด ที่เหลือก็ไปให้หนูใช้มือชักลำควยให้มัน คุณอาก็ได้แต่ยืนดูพร้อมกับรูดลำควยไปด้วย ดูคุณอาจะพอใจมาก ที่เห็นหลานสาวคนนี้ ถูกรุมเย็ดโดยอาแปะหน้าตารูปร่างน่าเกลียดถึง 6 คน พร้อมกันอย่างพิสดารเกินจะบรรยาย<br />พวกมันเย็ดหนุแบบนี้นานเท่าไหร่ไม่รู้ จนทั้งตัวหนูและทุกรู เลอะน้ำเงี่ยนของอาแปะแก่ๆทั้ง6คน เหนอะหนะเกรอะกรังไปหมด วันนั้นหนูโดนเย็ดยันตี3 จากควยอาแปะแก่ๆทั้ง6ควย รวมคุณอาเข้าไปก็ 7ควย ทั้งหมดถูกมันถ่ายวีดีโอไว้ด้วย เราพูดคุยกันเหมือนงานสังสรรค์เซ๊กส์หมูแล้วแยกย้ายกันไป<br />“เย็ดมันส์แบบนี้ แถมคิดราคาเป็นกันเอง เดี๋ยวอั๊วเรียกใช้บริการจากลื๊ออีกแน่นอน” อาแปะพุดแถมหันมายิ้มให้หนู หนูกับคุณอาใส่เสื้อผ้าแล้วออกไปจากจุดนั้นทันที หลังขึ้นรถคุณอา คุณอาก็ให้เงินหนู 1000บาท<br />“นี่ค่าตัวหนูจากไอ้แปะนั่น น้อยหน่อยนะเพราะถ้าไม่คิดถูกๆแกก็คงไม่ตกลง แต่ก็เสียวสมใจใช่มัยหล่ะ ร่านน่าดูเลยนะ เห็นร้องซธแทบลั่นเลยนี่พีช” คุณอาพูดหลังส่งเงินให้หนู<br />“ก็มันอยู่หรอกค่ะ ส่วนเงินนั้นถึงแค่นี้ แต่ถ้าคุณอามีความสุขหนูก็พอใจแล้วค่ะ” หนูพูดเอาใจคุณอา ท่ายิ้มแล้วเอามือลูบหัว<br />“แหมปากหวานจังเลยนะ งั้นเด่ยววันนี้ลุงพาไปเลี้ยงข้าวกับช็อปปิ้งแล้วกันนะ” คุณอาตอบกลับอย่างอารมณ์ดี<br />นั่นคือเกมกามของเราในวันนั้น ที่หนูก็ยังคิดเลยว่ากล้าทำไปได้ยังไง แต่มันก็ทำให้หนูรู้สึกได้ปลดปล่อยเต็มที่และมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ตัวคุณอาเองก็เช่นกันThailandhttp://www.blogger.com/profile/13376830479428634145noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8273883435330687915.post-70806900762118764712011-04-03T05:59:00.000-07:002011-04-03T06:00:04.686-07:00สิ้นศรัทธา ในตัวคนหลายๆคนรอบตัวฉันข่าวเรื่องรถปอร์เช่ชนคนตายกับแพรวา ทำให้ได้รู้ว่า สิ้นศรัทธาแล้วในตัวคนรอบข้าง(โดยเฉพาะพวกผู้ใหญ่) ที่กลายเป็นทาสของกระแสพวกนี้ ไหลตามน้ำไปเรื่อย พอคนเหล่านี้พูดและแสดงความเห็นอะไรออกมา ก็ดูชัดเจนเลยว่า “อยากหาเรื่องด่าคนรวยนี่หน่า” กับเห็นชัดว่า ก็แค่วิตกจริตวิ่งเต้นตามกระแส ไหลตามน้ำไปเรื่อย<br /><br />ตัวเองอยู่ในเหตุการณ์หรือเปล่า ก็ไม่ได้อยู่ เป็นญาติคนตายมั๊ย ก็ไม่ใช่ ข่าวเรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ แผ่นดินไหวก็เหมือนกัน เต้นไปเรื่อย ไปหัดหาข้อมูลที่มันน่าเชื่อถือจากสารคดีบางหรือเปล่า ก็คงไม่ทำอยู่ดี<br /><br />อย่างว่านะ อายุมากกว่าเรา งานการก็มั่นคง วิพากย์วจารณ์พูดนั่นนี่ได้เต็มที่อยู่แล้ว ส่วนเราห็แค่เสียงส่วนน้อย<br /><br />ถ้าคนที่ก่อเหตุ เป้นแค่พนักงานบริษัทเงืนเดือน 12,000 บาท เป็นคนนามสกุลไม่ดัง รถยนต์ที่ชนก้แค่ Mitsubishi Champ, Nissan Sentra หรือ Toyota Corona หน้ายิ้ม พวกท่านคงไม่มาด่ามาวิจารณ์กันขนาดนี้หรอก<br /><br />ดีแต่ว่าเราหลงแต่กระแสในโลกออนไลน์ ตัวคนพวกนี้เอง ก็กลายเป้นทาสกระแสข่าวจาก free tv และ นสพ รายวัน เหมือนกันหล่ะน่าThailandhttp://www.blogger.com/profile/13376830479428634145noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8273883435330687915.post-89269550716641640312010-12-21T06:46:00.000-08:002010-12-21T06:48:24.135-08:00เล่ห์กลหาประโยชน์จากเรื่องโลกร้อน[size=20pt]ผมอัดอั้นเกี่ยวกับเรื่องนี้มาพอควร ในที่สุดก็มีบทความที่ทำให้ผมได้รู้สึกว่า "I NEVER WALK ALONE" เกี่ยวกับเรื่องนี้[/size]<br /><br />[center]เล่ห์กลหาประโยชน์จากเรื่องโลกร้อน[/center]<br /><br /> โลกร้อนขึ้นคงไม่มีใครสงสัย การรักษาสิ่งแวดล้อมก็เป็นสิ่งที่ดี แต่การรณรงค์เรื่องโลกร้อนทำให้ใครได้ ใครเสียประโยชน์ ประเด็นนี้เป็นกรณีศึกษาของการโฆษณาชวนเชื่อในการทำให้ประชาชนมืดบอดหรือไม่ และถือเป็น “เครื่องมือทำมาหากิน” สำหรับใครบางคนหรือไม่<br /> ทุกวันนี้ แทบทุกคนคงได้ยินเกี่ยวกับภาวะโลกร้อน และเชื่อว่าทุกคนที่ได้ฟังคงชักห่วงใยต่อโลกในประเด็นนี้เช่นกัน แต่เมื่อนายอัล กอร์ อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพจากการรณรงค์เรื่องโลกร้อน <3> ผมกลับเริ่มสงสัยว่าสันติภาพไม่น่าจะเกี่ยวกับโลกร้อนโดยตรง ที่ผ่านมาคนอื่นที่โด่งดังเช่นท่านติช นัท ฮันห์ <4> ผู้นำพระสงฆ์ในสมัยสงครามเวียดนาม ก็ยังพลาดรางวัลนี้มาแล้ว ผมเชื่อว่าทุกวันนี้ผู้คนมักเชื่อไปในแนวทางเดียวกันโดยไม่มีโอกาสไตร่ตรอง ด้วยเหตุผล ผมจึงขอเสนอบทความนี้เพื่อต่อกรกับการครอบงำ และการโฆษณาชวนเชื่อทางการเมือง<br /><br />An Inconvenient Truth: เท็จหลายเรื่อง<br /> ท่านที่อ่านหนังสือหรือชมภาพยนตร์เรื่อง An Inconvenient Truth (AIT) <5> “คงรู้สึกตรงกันอย่างหนึ่งว่า อยากทำอะไรสักอย่างเพื่อแก้ปัญหาโลกร้อน . . . คงจะไม่เป็นการเกินเลยไปนัก หากจะเรียกขบวนการดังกล่าวว่าเป็นภารกิจกู้โลก เพราะวิกฤตการณ์เกี่ยวกับสภาวะโลกร้อนนั้นเกิดขึ้นแล้วจริงๆ และกำลังส่งผลกระทบอย่างกว้างไกลเกินจินตนาการ” <6> วลีที่อ้างถึงนี้สะท้อน “อารมณ์” ได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม AIT เป็นการโฆษณาชวนเชื่อทางการเมือง และยังแสดงข้อมูลที่เป็นเท็จหลายเรื่อง <7> ซึ่งสังคมมักไม่มีโอกาสรับรู้ เช่น:<br /> 1. การมองด้านเดียว: AIT ไม่เคยมองถึงบทบาทที่จำเป็นของน้ำมัน ก๊าซและถ่านหิน (Hydrocarbon) ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนจน ช่วยเพิ่มอายุขัยของประชากร ฯลฯ AIT ละเลยอัตราการตายที่สูงขึ้นในยามที่โลกเย็นลงในอดีตที่ผ่านมา<br /> 2. ความเข้าใจผิด: สาเหตุหลักของการตายของมนุษย์ปัจจุบันไม่ใช่เป็นเพราะภัยธรรมชาติ คล้ายกับการตื่นกลัวไข้หวัดนกจนเกินเหตุทั้งที่โรคปอดบวมทำคนไทยตายมากมาย โดยในปี 2550 ไม่พบคนป่วยและตายด้วยไข้หวัดนกในประเทศไทย แต่คนไทยป่วยด้วยโรคปอดบวมจนต้องนอนโรงพยาบาลถึง 88,841 ราย และตาย 765 รายในปี 2549 <8> นอกจากนี้ AIT ยังอ้างทำนองว่านักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เห็นพ้องกับตน แต่ความจริงเสียงส่วนใหญ่เห็นตรงข้ามกับ AIT<br /> 3. การพูด “ใส่ไข่” จับเอาปรากฏการณ์ครั้งคราวมาเป็นสรณะ: การอ้างว่าหมีขั้วโลกจมน้ำตายเพราะน้ำแข็งละลายทั้งที่เป็นเพราะพายุ การกล่าวถึงฝนตกหนักถึง 37 นิ้วในนครมุมไบในปี 2548 ทั้งที่ตลอด 45 ปี ไม่พบแนวโน้มการเพิ่มขึ้นเลย การโยงเรื่องโลกร้อนกับอุทกภัยในจีนเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทั้งที่ใน 1-2 ศตวรรษก่อนมีอุทกภัยที่รุนแรงยิ่งกว่านี้มากมาย การโทษว่าโลกร้อนทำให้แนวปะการังเสียหายทั้งที่เป็นเพราะปัจจัยทางเฉพาะ ภูมิภาค ปัจจัยทางสังคมและอื่น ๆ การกล่าวว่าธารน้ำแข็งเกาะกรีนแลนด์จะเลื่อนลงสู่ทะเลทั้งที่ตั้งอยู่ในแอ่ง ที่ไม่มีทางออก<br /> 4. การพูดผิดความจริง เช่น การอ้างว่าโลกร้อนในอดีตเป็นเพียงระยะสั้น ทั้งที่มีระยะเวลานับร้อยปีในอดีตที่เคยร้อนกว่าปัจจุบัน จนทำให้ครั้งหนึ่งชาวไวกิ้งสามารถไปตั้งถิ่นฐานในเกาะกรีนแลนด์ที่หนาวเย็น ในขณะนี้ได้ การอ้างว่าโลกร้อนขึ้นมากทั้งที่เพิ่มเพียง 0.17 องศาเซลเซียสในรอบ 30 ปีล่าสุด และร้อนขึ้น 0.5 องศาเซลเซียสในรอบ 100 ปี และที่ผ่านมาก็มีลักษณะขึ้น ๆ ลง ๆ การอ้างว่าคลื่นร้อนยุโรปที่ทำให้คนตายมากมายเป็นผลจากโลกร้อนทั้งที่เป็น เพราะสาเหตุอื่น<br /> ในประเทศอังกฤษ มีการฟ้องศาลให้ห้ามฉาย AIT ในโรงเรียนมัธยม ศาลเห็นว่า AIT มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ผิดไปถึง 9 ประการ แต่ให้ฉายได้โดยต้องเพิ่มเติมข้อมูลที่ถูกต้อง และให้ครูที่จัดฉายต้องชี้ให้นักเรียนเข้าใจถึงข้อผิดพลาดของ AIT ด้วย <9> แต่ในประเทศไทย เรากลับปล่อยให้ฉายหลอกลวงประชาชนอย่างหน้าตาเฉย ตัวอย่างความผิดพลาดสำคัญ ได้แก่ การกล่าวว่าหิมะบนยอดเขาคิลิมันจาโรซึ่งสูงถึง 6 กิโลเมตร ละลายเพราะภาวะโลกร้อน แต่นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เห็นแย้ง สาเหตุการละลายคงเป็นเพราะแสงอาทิตย์ การใช้ที่ดินโดยรอบตลอดจนความร้อนใต้พิภพหรืออื่น ๆ เพราะหากแม้ผิวโลกจะร้อนขึ้น อุณหภูมิบนยอดเขาก็ยังต่ำกว่าจุดเยือกแข็งอยู่ดี<br /><br />นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เห็นแย้ง<br /> กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ 19,000 คนได้ร่วมกันลงชื่อใน The Petition Project <10> ว่า จากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าการใช้ Hydrocarbon เพิ่มขึ้นทำให้เกิดภาวะโลกร้อนหรือภาวะเรือนกระจกแต่อย่างใด แม้โลกได้ร้อนขึ้นเล็กน้อย ก็ไม่ได้มีผลเสียหายร้ายแรง (อาจมีไวรัสบางชนิดเกิดขึ้น แต่ในช่วงโลกเย็นก็อาจเกิดโรคอื่น) แต่กลับเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกในเขตอบอุ่น การเพิ่มขึ้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะเป็นผลดีต่อชีวิตสัตว์และทำให้การ เพาะปลูกพืชผลได้มากขึ้น นักวิทยาศาสตร์เหล่านี้จึงหนุนให้สหรัฐอเมริกาไม่ลงนามในพิธีสารเกียวโต <11> ซึ่งได้กำหนดข้อผูกพันทางกฎหมายในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศภาคี<br /> บทวิพากษ์ของ The Petition Project ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า<br /> 1. การกลับหนาว-ร้อนของโลกมีลักษณะที่เป็นวัฏจักร ไม่ใช่มีแต่ร้อนขึ้นอย่างเดียว ที่ผ่านมามียุคน้ำท่วมโลก และยุคน้ำแข็งสลับกันมาหลายครั้งแล้ว<br /> 2. ธารน้ำแข็งเริ่มละลายมานานก่อนการใช้ Hydrocarbon เสียอีก และละลายเร็วในอัตราเดียวกันมาตลอด 150 ปีแล้ว<br /> 3. อากาศที่ร้อนขึ้นเกิดจากสาเหตุหลายอย่าง ภาวะเรือนกระจกอาจเป็นเพียงส่วนหนึ่ง ยังมีสาเหตุอื่นอีกมาก เช่น แสงแดด เมฆ ความชื้น การเปลี่ยนแปลงของผิวน้ำในมหาสมุทร ความร้อนใต้พิภพ ฯลฯ<br /> 4. พายุทอร์นาโดมีแนวโน้มลดลง ส่วนพายุเฮอริเคนจากมหาสมุทรแอตแลนติก ก็มีแนวโน้มคงที่ พายุขนาดใหญ่ เช่น Katrina <12> ในปี 2548 อาจเกิดได้เป็นครั้งคราว เราจึงไม่ควรถือเอาปรากฏการณ์ชั่วคราว มาทึกทักปะติดปะต่อกับภาวะโลกร้อน<br /> 5. ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้น 7 นิ้วในรอบศตวรรษแต่เพิ่มมาก่อนยุคที่ใช้ Hydrocarbon ด้วยซ้ำไป <br /> 6. ป่าไม้ (ไม่ใช่สวนป่า) ในสหรัฐอเมริกาได้รับการปลูกเพิ่มขึ้น 40% ในรอบ 50 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามการปลูกป่าก็อาจไม่ได้ช่วยแก้ไขโลกร้อนอย่างมีนัยสำคัญนัก <13><br /><br />อย่าให้ใครลวงให้ตื่นตูม<br /> มีอยู่ภาพหนึ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นภาพทะเลสาบ Aral Sea ในคาซัคสถาน <14> ซึ่งแต่เดิมมีขนาดใหญ่มาก แต่กลับแห้งไป มีเรือจอดอยู่บนพื้นคล้ายทะเลทราย ภาพดังกล่าวสร้างความสะเทือนใจแก่ผู้ห่วงใยโลกเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็เป็นภาพแห่งการโกหกอย่างร้ายกาจ เพราะการเหือดหายไปของทะเลสาบนี้ เป็นผลมาจากการสูบน้ำและเป็นที่คาดหมายมานานแล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับภาวะโลกร้อนแม้แต่น้อย <br /><br />[img]http://www.thaiappraisal.org/images/clip_image002_0025.jpg[/img]<br />ถ้าวันนี้เกิดการระเบิดของภูเขาไฟ ระดับเดียวกับ “กรากะตัว” ในอินโดนีเซียเมื่อปี 2426 เราคงลืมเรื่องโรคร้อนในบัดดล และนึกว่าโลกต้องแตกแน่แล้ว เพราะ “แรงระเบิดนั้นคร่าชีวิตทุกคนที่ยังอยู่บนเกาะ พื้นที่ร้อยละ 65.52 ของเกาะกลายเป็นเถ้าธุลีลอยสูงขึ้นไปถึง 80 กิโลเมตร ในรัศมี 240 กิโลเมตร เถ้าธุลีบดบังแสงอาทิตย์จนมืดมิดคล้ายตอนกลางคืน . . . อยู่ห่างถึง 4,776 กิโลเมตรก็ได้ยิน (เสียงระเบิด) . . . เกิดคลื่นสึนามิ สูงกว่า 30 เมตร . . . แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นตรวจจับได้แม้แต่ที่สหราชอาณาจักร (อากาศยังเย็นลง 1.2 องศาทั่วโลกเป็นเวลาถึง 5 ปี)” <15><br /> ท่านทราบหรือไม่ว่าแรงระเบิดของภูเขาไฟที่ร้ายแรงที่สุดก็คือ ภูเขาไฟ Tambora ในอินโดนีเซียเมื่อปี 2358 ในครั้งนั้นประมาณกันว่ามีขนาดเท่ากับระเบิดปรมาณู 60,000 ลูกรวมกัน ทำให้ท้องฟ้ามืดมิด ส่งผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมถึงอังกฤษ <16> แต่โลกเราก็รอดมาแล้ว และกลายเป็นปรากฎการณ์ที่คนส่วนใหญ่ลืมไปหมดแล้วในเวลาอันสั้น ดังนั้นเราจึงไม่ควรปริวิตกกับปรากฏการณ์ชั่วคราวจนเกินเหตุุ<br /><br />กรณีความเข้าใจคลาดเคลื่อนในไทย<br /> หลายคนเน้นใช้ความรู้สึกมาบอกว่าปรากฏการณ์ธรรมชาติต่าง ๆ รุนแรงขึ้น แต่ความจริงก็คือ พายุหมุนเขตร้อนที่เข้ามาในประเทศไทยมีปริมาณลดลงตลอดในช่วงปี 2494-2549 รวมทั้งอุณหภูมิเฉลี่ยในช่วง พ.ศ.2539-2549 ก็ไม่แตกต่างกันเลย <17> ระดับน้ำทะเลในอ่าวไทยกลับลดลงนับแต่ปี 2483 ที่สำรวจ <18> ความรู้สึกที่ไม่อิงข้อมูล มักทำให้คิดตรงข้ามกับความจริง และมักจะรีบเชื่อเมื่อมีผู้ทำให้ตกใจ<br /><br />[img]http://www.thaiappraisal.org/images/clip_image002_0026.jpg[/img]<br />[img]http://www.thaiappraisal.org/images/clip_image004_0002.jpg[/img]<br />[img]http://www.thaiappraisal.org/images/clip_image002_0027.jpg[/img]<br /><br /> ส่วนที่เห็นน้ำท่วมโบสถ์วัดขุนสมุทร <19> นั้น คงเป็นเพราะการทรุดตัวของดินจากผลของการสูบน้ำบาดาลเกินขนาด การทำลายป่าชายเลน การพังทลายของตลิ่งและอื่น ๆ ซึ่งเป็นมาโดยตลอด ไม่ใช่เพราะภาวะโลกร้อนแต่อย่างใด เป็นธรรมชาติรอบอ่าวไทย ที่บางส่วนของพื้นที่อาจถูกกัดเซาะ บางบริเวณก็กำลังเกิดที่งอก ในสมัยโบราณ บริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยาแต่เดิมเป็นทะเลทั้งหมด ทุกวันนี้ใต้ท้องนาในจังหวัดอยุธยา ยังขุดทรายมาขายกันได้เป็นล่ำเป็นสัน วัดเจดีย์หอยที่อำเภอลาดหลุมแก้ว ปทุมธานี ก็ยังพบเปลือกหอยทะเลมากมาย แค่น้ำทะเลกัดเซาะวัดขุนสมุทรและบริเวณใกล้เคียงเพียงเท่านี้ ยังเทียบอะไรไม่ได้กับการเกิดภาคกลางของประเทศไทยแต่อย่างใด<br /><br />[img]http://www.thaiappraisal.org/images/clip_image002_0028.jpg[/img]<br /><br />ในประเทศไทยของเรา การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศยังเป็นเพราะปรากฏการณ์เอลนีโญ ลานีญา และเอ็นโซ ตามกระแสน้ำอุ่น <20> แต่กลับมีการกล่าวอ้างว่าเป็นเพราะภาวะโลกร้อนเป็นสำคัญ<br /><br />สิ่งที่ต้องคิดทบทวน<br /> โปรดอย่าไพล่เข้าใจผิดว่า เราไม่ควรใส่ใจกับเรื่องโลกร้อนและพาลเข้าใจว่า เราละเลยการรักษาสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงาน บทความนี้เพียงมุ่งตรวจสอบการโฆษณาชวนเชื่อที่ขาดจรรยาบรรณ ทำให้สังคมขาดความรอบรู้และเกิดการคิดอย่างไม่เป็นวิทยาศาสตร์ เราควรมีเวทีการถกเถียงเพื่อให้การศึกษาแก่ประชาชนในวงกว้าง เป็นการส่งเสริมสังคมอุดมปัญญา มีบรรยากาศที่เป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่สังคมที่สักแต่เชื่อกันด้วยศรัทธาอย่างมืดบอดอันถือเป็นอันตรายต่อการ พัฒนาคุณภาพชีวิตและปัญญา-ความรู้ของประชาชนในระยะยาว<br /> การใช้อวิชชาหลอกล่อให้คนเชื่อ เป็นการดูหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ประหนึ่งเห็นชาวบ้านเป็นวัวควายที่อธิบายกันดีๆ ไม่ได้ ต้องหลอกล่อด้วยความกลัวถึงผลร้ายของภาวะโลกร้อนจนเกินจริง และด้วยการใช้ความน่ารัก-น่าสงสารของคน สัตว์และสิ่งของเพื่อให้คล้อยตาม โปรดสังเกตว่า “หมัดเด็ด” ในการปิดปากผู้สงสัยเรื่องโลกร้อนก็คือการป้ายสีพวกเขาว่าเป็นผู้ไม่หวังดี ต่อโลก เราจึงควรมีการวินิจฉัยด้วยตนเองให้ชัดเจนตามหลักธรรมกาลมสูตร <21> ก่อนที่จะเชื่ออะไรง่าย ๆ<br /> ผู้ที่กล้าพูดความจริงบางส่วนเพื่อเอาประโยชน์ใส่ตนนับเป็นผู้ที่ น่ากลัว สังคมพึงทราบว่าบ้านของนายอัล กอร์เองกลับใช้ไฟฟ้ามากกว่าคนอเมริกันทั่วไปถึง 20 เท่า ใช้เงินค่าไฟฟ้าและแก๊สรวมกันปีละเกินกว่า 1 ล้านบาท <22> คนทำดีพูดดีเรื่องโลกร้อนอาจสั่งสมบารมีจนได้เป็นสมาชิกวุฒิสภา บางคนได้อาชีพเป็นนักอนุรักษ์ นักประท้วง นักแบกป้ายเพื่อ “กู้โลก” หาเลี้ยงชีพไปได้ชั่วชีวิต เป็นต้น<br /> การบิดเบือนความจริงเคยส่งผลเสียหายมากมายมาแล้ว เช่น การที่ NGO บางแห่งเคยให้ข้อมูลที่เป็นเท็จอย่างร้ายแรงว่า ประเทศไทยมีโสเภณี 2 ล้านคน ทำให้พจนานุกรมลองแมน เคยให้คำจำกัดความของกรุงเทพมหานครว่าเป็นนครแห่งโสเภณีในปี 2536 <23> จะสังเกตได้ว่านักเคลื่อนไหวทางสังคมมักพยายามโฆษณาว่าปัญหาที่ตนเกี่ยว ข้องอยู่มีขนาดใหญ่ ด้วยหวังให้สังคมให้ความสนใจ แต่น่าเสียดายที่ทุกคนก็ใช้วิธีเดียวกันจนเฝือ สังคมเลย “มึน” และกลับคิดว่าปัญหาทั้งหลายนั้นสุดแก้ไข กลายเป็นปัญหาโลกแตกไป<br /> ทางออกสุดเท่ห์ของการแก้โลกร้อนก็คือการปลูกป่า (ซึ่งถือเป็นรูปแบบการทำดีที่นำสมัยและมีระดับ ไม่ใช่พื้น ๆ แบบการบริจาคให้มูลนิธิการกุศล) โดยไม่นำพาว่าจะรณรงค์ปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าอย่างจริงจัง ปีหนึ่ง ๆ ป่าไม้ไทยถูกทำลายไปมหาศาลกว่าป่าที่ปลูกใหม่ ต้นไม้ที่ปลูกอย่างลูบหน้าปะจมูกนี้ก็คงตายไปมากกว่าจะอยู่รอดได้ บาปของแฟชั่นการปลูกป่านี้ก็คือการช่วยบิดเบือน ปกปิดไม่ให้อาชญากรรมทำลายป่าได้รับการตระหนักโดยสังคมส่วนรวม<br /> การเคลื่อนไหวเรื่องนี้ยังอาจถือเป็นการเบี่ยงประเด็นสาระสำคัญ ของปัญหาในโลกนี้ อันได้แก่ โรคภัยไข้เจ็บที่เผชิญอยู่ทุกวัน การกดขี่เอารัดเอาเปรียบต่อผู้ด้อยโอกาส สงครามและการก่อการร้าย อำนาจเผด็จการที่ปิดกั้นเสรีภาพประชาธิปไตย ตลอดจนการปล้นสดมภ์ของประเทศมหาอำนาจต่อประเทศกำลังพัฒนา เป็นต้น บางทีถ้าเราเอาเงินรณรงค์เรื่องโลกร้อนไปช่วยคนทุกข์ยากทางอื่น ยังอาจได้ประโยชน์ต่อสังคมมากกว่านี้<br /><br /> [size=20pt]บางที “นักบุญ” ที่พูดกับท่านถึงภาวะโลกร้อนนั้น แท้จริงอาจเป็น “ซาตาน” ผู้ก่ออาชญากรรม ตักตวงประโยชน์ทางการเมือง ฉกฉวยหาประโยชน์เฉพาะตน คนที่กล้า “แหกตา” พวกเราถึงเพียงนี้ น่าจะเป็นบุคคลอันตราย เราควรรักษาสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงาน แต่เราก็ควรส่งเสริมการระดมความคิด ถกเถียงค้นคว้าอย่างเป็นวิทยาศาสตร์และมีสติ และต่อต้านความงมงายอย่างมืดบอดในทุกรูปแบบ ประเทศชาติจึงจะเจริญด้วยสังคมอุดมปัญญาที่แท้จริง[/size]<br /><br />ที่มา http://www.thaiappraisal.org/thai/market/market_view.php?strquery=market166.htm<br /><br />เล่นเว็บฯ drama-addict ก้เลยเจอกระทู้ที่เกี่ยวข้องเข้าให้ :555<br /><br />http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=galama แถมให้อีกThailandhttp://www.blogger.com/profile/13376830479428634145noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8273883435330687915.post-50975661697499383832010-11-16T00:20:00.000-08:002010-11-16T00:21:48.632-08:00Sony Watchman-โทรทัศน์พกพาของ Sony ช่วงต้นยุค 80<A href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEihkB_99fPkFoWmgUg0N2J8BOtUwfJEPiXC3Yqmb8XzllRNAoauWS_-WkkH5b-94G4YIdNqErnvu3GPDwkzUpLuECflaMwW4EvKkTjemSyWeMSDTp3M4S_xUXzOf-TCa3mqtvktl2C1C-8/s1600/watchman-crop1.jpg"><IMG id=BLOGGER_PHOTO_ID_5540057906799151986 style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 320px; CURSOR: hand; HEIGHT: 240px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEihkB_99fPkFoWmgUg0N2J8BOtUwfJEPiXC3Yqmb8XzllRNAoauWS_-WkkH5b-94G4YIdNqErnvu3GPDwkzUpLuECflaMwW4EvKkTjemSyWeMSDTp3M4S_xUXzOf-TCa3mqtvktl2C1C-8/s320/watchman-crop1.jpg" border=0></A> <A href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEijtAum34Tgwa3NbdEzfOF37xkI6GQSt37Fxu3YA1JmFEOs0vWU9cn2uK0KP4rLGDjQjDIba5A6mq_0-bxnZ5MNAh_k5ripxDuv_iahl2o9JE3ofrtbGSzqNjgCPZMCMT9hEG8EqaE1qu4/s1600/watchman-crop2.jpg"><IMG id=BLOGGER_PHOTO_ID_5540057904174867218 style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 320px; CURSOR: hand; HEIGHT: 240px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEijtAum34Tgwa3NbdEzfOF37xkI6GQSt37Fxu3YA1JmFEOs0vWU9cn2uK0KP4rLGDjQjDIba5A6mq_0-bxnZ5MNAh_k5ripxDuv_iahl2o9JE3ofrtbGSzqNjgCPZMCMT9hEG8EqaE1qu4/s320/watchman-crop2.jpg" border=0></A> <A href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgR08GpkAhT7VhnmuxebtD9e2TeBqp6dcS8B1f7l7dSLNOsyYhSG-AL9PCmyjyLsqCf0i0J0pMgFMy2L78Y90rdamy7U9mUZIn36prfoVyxlZv554Ett0xiGf-TEoiTFLLR7cbWKFgknUg/s1600/watchman-crop3.jpg"><IMG id=BLOGGER_PHOTO_ID_5540057898922040946 style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 320px; CURSOR: hand; HEIGHT: 240px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgR08GpkAhT7VhnmuxebtD9e2TeBqp6dcS8B1f7l7dSLNOsyYhSG-AL9PCmyjyLsqCf0i0J0pMgFMy2L78Y90rdamy7U9mUZIn36prfoVyxlZv554Ett0xiGf-TEoiTFLLR7cbWKFgknUg/s320/watchman-crop3.jpg" border=0></A> <A href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEifDfo7xwPO7Nl8-tIvf_WxW9E31ENDTMsLRwEkS-6bVaBWBKqXAwCjU3OC3W3ctRJV4FeZVimtPVxZY3ObwQrh5lLVM8Uvqg77msbmYX4PvLqf5YZiNA3VwtPCs3wxPPtY0nEYTD8GwRE/s1600/watchman-crop4.jpg"><IMG id=BLOGGER_PHOTO_ID_5540057882743252066 style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 320px; CURSOR: hand; HEIGHT: 240px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEifDfo7xwPO7Nl8-tIvf_WxW9E31ENDTMsLRwEkS-6bVaBWBKqXAwCjU3OC3W3ctRJV4FeZVimtPVxZY3ObwQrh5lLVM8Uvqg77msbmYX4PvLqf5YZiNA3VwtPCs3wxPPtY0nEYTD8GwRE/s320/watchman-crop4.jpg" border=0></A> <A href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg8K_wByMNmD7WLgywEq334kdU30SnNfOphbYwsTf5q8N3-EuLXa3oC5dxwrKGCGf5XOcgE2prIBpYR9_PbJ9VDvtHV7qTB6YlnXKbwN4GEaX9Hjwijp1PHTihBjTT0GYJ2VlgzvUBgl4o/s1600/watchman-crop5.jpg"><IMG id=BLOGGER_PHOTO_ID_5540057876972418098 style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 240px; CURSOR: hand; HEIGHT: 320px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg8K_wByMNmD7WLgywEq334kdU30SnNfOphbYwsTf5q8N3-EuLXa3oC5dxwrKGCGf5XOcgE2prIBpYR9_PbJ9VDvtHV7qTB6YlnXKbwN4GEaX9Hjwijp1PHTihBjTT0GYJ2VlgzvUBgl4o/s320/watchman-crop5.jpg" border=0></A><br /><OBJECT class=BLOG_video_class id=BLOG_video-744c6ba4c8aa4ee height=266 width=320 contentId="744c6ba4c8aa4ee"></OBJECT><br /><br />ซื้อจากตลาดปัฐวิกรณ์ เมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมา จากร้าน D-Mart Phone ในราคา 1900 บาท นวัตกรรมจาก Sony ในช่วงต้นยุค 80 อีกชิ้นที่ออกหลัง walkman ไม่กี่ปี Sony Watchman โทรทัศน์แบบพกพาได้ รุ่นที่ผมได้มาเป็นรุ่นแรกๆ ซึ่งยังเป็นจอภาพแบบขาวดำ ใช้แบ็ตเตอรี่ขนาด AA จำนวน 4 ก้อน...หลังจากนั้นก็ค่อยมีรุ่นจอภาพแบบสีตามออกมา สายการผลิตสินค้าตระกูล Watchman ก็ได้ยุติการผลิตลงในปี 2000 <br /><br />รุ่นที่อยู่ในภาพเป็นรุ่น FD10EThailandhttp://www.blogger.com/profile/13376830479428634145noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8273883435330687915.post-46284198875941948362010-11-11T17:26:00.000-08:002010-11-11T17:31:28.485-08:00เซียนอ๊อตโตะ แห่งช่อง G-Square<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhOMkFRmQaZ2_ckUb5XZ0ic4LlS3kkpqMv5SE_HoTjYoLD4i784Jk78K-ifCl__qjeIVXDyKkvEC_rY4YHXMhlJBBAkF3DdRiGf4Q3dGgyiR3Znp12IQ59pBhF81tEGdtX0856wKpbIpvWW/s1600/crop2.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 320px; height: 232px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhOMkFRmQaZ2_ckUb5XZ0ic4LlS3kkpqMv5SE_HoTjYoLD4i784Jk78K-ifCl__qjeIVXDyKkvEC_rY4YHXMhlJBBAkF3DdRiGf4Q3dGgyiR3Znp12IQ59pBhF81tEGdtX0856wKpbIpvWW/s320/crop2.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5538468976480268322" /></a><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgyotNzICpAuL5SikfuGJsOlMeBpHKCoDvQSimzsP6lIqKpV-XmxO5GfjQ88xsieaNKTTtKllwFTDZJMgZIVARtXdi4VB5xmyhsAax2UiFckmmShdu1EMJq20sKiT63z3aTAhq5r2lPp5li/s1600/crop1.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 320px; height: 243px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgyotNzICpAuL5SikfuGJsOlMeBpHKCoDvQSimzsP6lIqKpV-XmxO5GfjQ88xsieaNKTTtKllwFTDZJMgZIVARtXdi4VB5xmyhsAax2UiFckmmShdu1EMJq20sKiT63z3aTAhq5r2lPp5li/s320/crop1.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5538468971300077794" /></a><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgCceT0TxHlW6tY53OLMTRUyed7kvtKi_rVfo3bq17her0f2rg_D0IoFGf26A8xQ0SPJkKg2ZEeakpANEu1A6ep5SWSJQ1UgCwa3hQP0xL8EKmNdkT1Vmlh5gXhtxfQ-HgBXqsL22MlF_a5/s1600/crop.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 320px; height: 234px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgCceT0TxHlW6tY53OLMTRUyed7kvtKi_rVfo3bq17her0f2rg_D0IoFGf26A8xQ0SPJkKg2ZEeakpANEu1A6ep5SWSJQ1UgCwa3hQP0xL8EKmNdkT1Vmlh5gXhtxfQ-HgBXqsL22MlF_a5/s320/crop.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5538468962150583714" /></a><br /><br />พบเซียนอ๊อตโตะ หรือชื่อจริง อมร วิวัฒสุนทร ณ สำนักงานช่อง G-Square ที่ห้างสรรพสินค้าฟอร์จูน ชั้น 26 เมื่อวันจันทร์ที่ 8 พ.ย. 2553 ไปกับเพื่อนรุ่นน้องที่รู้จักทางอินเตอร์เน็ต ที่เป็นแฟนคลับของเซียนเช่นกัน<br /><br />พิธีกรรายการเกมที่ผมชื่นชอบมาก ในที่สุดก็ได้เจอตัวจริงเสียทีThailandhttp://www.blogger.com/profile/13376830479428634145noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8273883435330687915.post-4076262015354478352010-09-24T05:17:00.000-07:002010-09-24T05:18:34.589-07:00เช็คที่มาของโทรศัพท์มือถือว่ามีคุณภาพหรือเปล่าอยากรู้ว่าโทรศัพท์มือถือของท่านเป็นของแท้หรือไม่?<br /><br />กดเครื่องหมาย *#06# หมายเลขรหัสจะปรากฎขึ้นมา โปรดดูหมายเลขที่ 7 และ 8 ดังนี้<br /><br />1 2 3 4 5 6 7th 8th 9 10 11 12 13 14 15 <br /><br />- หากหมายเลขที่เจ็ดและแปดเป็น 02 หรือ 20 แสดงว่าโทรศัพท์มือถือของท่านประกอบในประเทศจีนซึ่งมีคุณภาพต่ำ <br /><br />- หากหมายเลขที่เจ็ดและแปดเป็น 08 หรือ 80 แสดงว่าโทรศัพท์มือถือของท่านผลิตในประเทศเยอรมันซึ่งมีคุณภาพปานกลาง <br /><br />- หากหมายเลขที่เจ็ดและแปดเป็น 01 หรือ 10 แสดงว่าโทรศัพท์มือถือของท่านผลิตในประเทศฟินแลนด์ซึ่งมีคุณภาพดีมาก <br /><br />- หากหมายเลขที่เจ็ดและแปดเป็น 00 แสดงว่าโทรศัพท์มือถือของท่านผลิตจากโรงงานผลิตโดยตรงซึ่งมีคุณภาพดีที่สุด <br /><br />- หากหมายเลขที่เจ็ดและแปดเป็น 13 แสดงว่าโทรศัพท์มือถือของท่านประกอบที่ประเทศอาเซอร์ไบจันซึ่งมีคุณภาพเลวและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ<br /><br /><br />หุหุ แล้วโทรศัพท์ของพี่น้องละค่ะมีคุณภาพหรือเปล่า?<br /><br />---------------------------------------------------<br /><br />เมื่อนานมาแล้ว ผมเคยลองเช้ค Nokia 6020 ของผม ปรากฎว่า 00 ครับ <br /><br />พอมาลองเช็คตัว 6110 เครื่องที่ใช้ในตอนนี้ ได้ออกมาเป็นเบอร์เต็มๆคือ 350894300455021 เลยยังงๆอยู่ๆ แต่ก็ดี ที่ไม่ใช่ของมาจากจีนหรืออาเซอร์ฯThailandhttp://www.blogger.com/profile/13376830479428634145noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8273883435330687915.post-16441157849346344302010-09-24T05:11:00.001-07:002010-09-24T05:12:40.493-07:00สวนกระแสหมูแฮม (หงิกศักดิ์ ณ พันทิพย์)...เรื่องเก่าเล่าใหม่ เพราะนี่คืออีกด้านที่ควรได้รับการถ่ายทอดไปขุดมาจากอีก blog ที่เปิดเอาไว้แล้วไม่ได้ไปจัดการมันตั้งแต่กลางปีที่แล้ว เลยเอามาลงใหม่ที่นี่ เพราะอยากให้ทุกคนควรอ่าน<br /><br />---------------------------------------------------------<br /><br />http://www.dek-d.com/board/view.php?id=899272&pageno=1 <br /><br />สวนกระแสหมูแฮม (หงิกศักดิ์ ณ พันทิพย์)<br /><br />เนื่องจากพลาดการดูข่าว "ขับรถเบนซ์ทับคนตายของหงิกศักดิ์" ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนในหลายเว็บบอร์ด<br />ผมจึงไปโหลดคลิปรายการเรื่องเล่าเช้านี้ (ความยาวร่วมครึ่งชั่วโมง) จากเว็บบิททอร์เรนท์ที่เป็นสมาชิกอยู่<br />กะจะเก็บรายละเอียดของการให้สัมภาษณ์ เอาไว้เป็นข้อมูลในการเขียนถล่มหงิกศักดิ์ตามกระแสสักหน่อย<br />แต่เมื่อได้ดูรายละเอียดบางอย่างแล้ว ผมขอเปลี่ยนใจ ขออยู่ข้างเดียวกับพ่อของน้องหมูแฮมแทนก็แล้วกัน<br /><br />.....ประเด็นหลัก<br />คุณพ่อของหมูแฮมพูดย้ำในรายการแล้วว่า ลูกของตัวเองกระทำผิดจริง ทั้งการทุบ พขร. และขับรถชนตาย<br />.....ประเด็นร้อน<br />คำพูดที่กลายเป็นประเด็นร้อนนั้น เกิดขึ้นหลังจากคุณพ่อของหมูแฮมเห็นภาพการสัมภาษณ์กระเป๋ารถเมล์<br /><br />.....ถาม<br />คำพูดในทำนองที่ว่า หมูแฮมแกล้งทำเป็นชัก ไม่สบาย โดยการส่งซิกของตำรวจ มีจุดเริ่มต้นมาจากไหน ?<br />.....ตอบ<br />มาจากการให้สัมภาษณ์ครั้งแรกของพนักงานเก็บค่าโดยสารรถเมล์เพียงคนเดียว (และทุกคนเชื่อกันหมด)<br /><br />.....อาการชักแบบหมูแฮม มีอยู่จริงหรือไม่<br />จริง คนในครอบครัวผม 1 คนมีอาการแบบหมูแฮม ตอนเด็กเกิดอาการชักอย่างแรง จนเกร็งเป็นเวลานาน<br />นำส่งโรงพยาบาล (ล่าช้าด้วยเหตุผลบางอย่าง) ผลตรวจพบว่า สมองบางส่วนเสียหายจากการขาดออกซิเจน<br />แม้จะรอดชีวิต แต่ความเสียหายดังกล่าวก็ส่งผลกระทบต่อระบบประสาทและพฤติกรรมบางส่วนอย่างถาวร<br />คนที่รอด ร่างกายมีความไวต่อสภาพการกดดันจากสิ่งแวดล้อมสูง ถึงจุดหนึ่ง ร่างกายจะเกิดอาการชักเกร็ง<br />คนที่ไม่รอด ก็นอนเป็นผัก เป็นภาระครอบครัว เพราะอาการนี้ไม่แบ่งแยกว่าจะเกิดขึ้นในคนรวยหรือคนจน<br /><br />.....แล้วคนแบบนี้ใช้ชีวิตในสังคมได้หรือไม่<br />ในแง่ของการช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวัน ผู้ที่รอดมาได้ สามารถทำทุกอย่างได้เหมือนคนปรกติทั่วไป<br />กรณีคนในครอบครัวผม ขับรถเองได้ (รถญี่ปุ่นมือ 2 ครับ ไม่ใช่รถเบนซ์) จำทางได้ แต่จำชื่อสถานที่ไม่ได้<br />ใช้ไปทำธุรกรรมที่ธนาคารได้ มีความสนใจในบางเรื่องสูงพอที่จะแข่งแฟนพันธุ์แท้ได้ แต่การเรียนไม่ดีนัก<br />อาการชักเกร็งจะเกิดขึ้นเมื่อได้รับแรงกดดันจากสิ่งเร้ารอบตัว ในสถานการณ์ที่ทำให้ระดับความเครียดสูง<br />ประเทศไทย มีผู้ป่วยอาการแบบนี้นับแสนคน แต่เป็นเรื่องภายในครอบครัวที่ไม่มีใครอยากจะพูดสักเท่าไร<br /><br />เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้น สังคมไทย ก็มักพิพากษากลุ่มผู้มีอาการผิดปรกติไปในทางลบอยู่แล้ว เสียเวลาแก้ตัว<br />ไม่ว่าจะชักจริงหรือไม่จริง จะฮั้วหรือไม่ฮั้วกับตำรวจ ยังไงก็ซวยทั้งขึ้นทั้งล่องอยู่ดี แล้วจะอธิบายไปทำไม<br /><br />ผมเองก็ไม่รู้ว่า กรณีของหมูแฮม จะเป็นอาการชักเกร็งจริงหรือไม่<br />แต่ถ้าเกิดเป็นคนในครอบครัวผมไปเป็นผู้ก่อเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น<br />(และเจ้าตัวเป็นโรคลมชักจริงๆ ไม่ได้แกล้งทำ ไม่ได้ฮั้วกับตำรวจ)<br />แล้วเจอภาพกระเป๋ารถเมล์ "ไร้การศึกษา" พูดออกโทรทัศน์แบบนี้<br />ผมจะด่ากลับให้หนักกว่าคุณพ่อของหมูแฮมเป็นสิบเป็นร้อยเท่าแน่<br /><br />ใครจะไปรู้ ละครน้ำเน่าอาจส่งผลกระทบต่อคนระดับรากหญ้าให้รู้สึกเกลียดชังคนรวยและตำรวจจริงๆ ก็ได้<br />อย่างให้สัมภาษณ์หน้ากล้องโทรทัศน์ โดยสวมบทเป็นนางเอกที่แสนดี ผู้ถูกสังคมกดขี่ในละครไทยหลังข่าว<br />จนไม่มีใครสังเกตคำให้สัมภาษณ์ของกระเป๋ารถเมล์ที่เปลี่ยนไป เพราะกำลังด่าพ่อหงิกศักดิ์อย่างเมามันส์<br />แถมคู่กรณีอีกฝ่ายนั้น กระทำผิดจริงๆ อย่างชัดเจน จึงไม่มีใครสนใจว่าข้อมูลอะไรถูกใส่ไข่เพิ่มเข้าไปบ้าง<br />สมควรยิ่งที่คณะกรรมการสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ต้องมาจัดระเบียบละครน้ำเน่าอย่างรวดเร็วเฉียบขาด<br /><br />ปล. 1 เนื่องจากคลิปรายการ "เรื่องเล่าเช้านี้" ช่วงดังกล่าวมีขนาดกว่า 40 M ความยาวร่วมๆ ครึ่งชั่วโมง<br />ตอนนี้กำลังคิดหาวิธีอยู่ครับ ว่าจะปล่อยไฟล์ดังกล่าวลงใน Entry นี้ทางช่องทางไหนดี ที่อัพได้สะดวกหน่อย<br /><br />ปล. 2 มาคิดดูอีกที ถ้าเปลี่ยนจากรถเบนซ์เลขทะเบียนสวยๆ ไปเป็นรถญี่ปุ่นมือสองสภาพโทรมแบบสุดๆ<br />ครอบครัวนามสกุลไม่ดัง มีหนี้หัวโต แล้วจะมีผู้อ่านข่าวชื่อดังตัวย่อ ว. ออกมาพิพากษาชี้นำสังคมหรือเปล่า<br /><br />ปล. 3 หมูแฮมกระทำผิดจริง (เพราะเหตุจากโรคลมชักเวลานี้ยังไม่มีข้อยกเว้นทางกฎหมายแต่อย่างใด)<br /><br />Related Links<br /><br /> * โรคลมชัก http://www.bangkokhealth.com/neuro_htdoc/neuro_health_detail.asp?Number=9145<br /> * โครงการรักษาผู้ป่วยโรคลมชักครบวงจร http://www.thaiepilepsy.org/<br /> * โรคลมชักกับกฎหมาย (ไฟล์ .PDF ขนาด 1 MB) http://www.thaiepilepsy.org/lflnews2549/lfl-news-special-dec2006.p <br /><br /> <strong>นี่คือความเห็นของคนอื่น...ที่ดูเหมือนจะเริ่มรู้จักมองอะไรอย่างสองด้าน ส่วนความเห็นที่มาด่านั้น ไม่เอามาลง เพราะใน พาลทิพย์ (พันทิพย์) มีเยอะแล้ว </strong><br /><br />กระเป๋ารถเมย์บางทีมันก้กวนตืนเหมือนกันน๊ะเราขึ้นบ่อย บางทีมันก็หงุดหงิดใส่ผู้โดยสารพูดจามะนาวไม่มีน้ำบ้าง สรุปว่า ตบมือข้างเดียวไม่ดังโปรดใช้วิจารณญาณย์ในการฟัง ควรแยกเป็นประเด็นๆไป ผิดก็อยู่ส่วนผิด ถูกก็อยู่ส่วนถูก ฟังแบบมีเหตุผล สรุปว่าเราไม่ได้เข้าข้างใครแต่ว่า ควรคิดให้กลางๆไม่ร้ายไปไม่ดีไป เพราะ ว่าวันนี้เราเจอกระเป๋ารถเมย์ 2คน ไม่รู้ไปทะเลาะกับสามีเหรอว่าเป็นข่าวฮอตเลยไม่เห็นหัวผู้โดยสาร <br /><br />Name : 555555+ <br /><br /><br />โรคทางจิตมันเปนโรคที่ซับซ้อนนะ จะแกล้งทำหรือเปนจริง มีใครในที่นี้เปนหมอเหรอไง ถึงได้ตัดสินแทนขนาดนั้น .. ก้เพราะว่าใช้อารมณ์กันอย่างนี้ล่ะ ประเทศมันถึงได้เป็นอย่างทุกวันนี้ แค่ความคิดเห็นแตกต่างก็แทบจะฆ่ากันให้ตายแล้ว คนตาย เค้าตายไปแล้ว ที่เหลืออยู่ก้คนเป็น..กม.มันก็ยังมีอยู่ จะพิพากษารับโทษยังไง มันก็มีบทลงโทษเหอะ ถ้าไม่ใช่พ่อมัน แล้วมันไม่ใช่ลูกคุน หรือถ้าไม่ได้มีญาติฝ่ายไหนเปนกระเป๋ารถเมล์ ก็ไม่ต้องสาด..ใส่กันอย่างนี้ แล้วก็ไม่ต้องถามอะไรโง่ๆออกมาหรอกนะว่าวัดยังไงว่าไร้การศึกษา.. ที่เรียนกันอยู่ทุกวันนี้เพื่ออะไรล่ะ การศึกษามันทำให้เราคิดเป็น คิดจะใช้เหตุผลให้ได้มากกว่าอารมณ์แต่ก็จริงอยู่สำหรับบางคนว่าการศึกษามันไม่ได้ช่วยอะไรเลย ยังไงมันก็มีส่วน..เพราะถ้าคนมีการศึกษา ก็คงมีทางเลือกที่จะไปทำอย่างอื่นมากกว่ามาเปนกระเป๋ารถเมล์แล้วล่ะ <br /><br />Name : มีการศึกษาว่ะ <br /><br />เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ครับ... <br /><br />Name : HaluHalu <br /><br />แล้วก็ลองนึกย้อนดูด้วยวว่า ที่ผ่านมารถเมล์และรถร่วมบริการทำคนเจ็บคนตายจากความประมาทความชุ่ยที่เห็นกันจะๆกี่ราย เห็นว่าปีหนึ่งมีคนตายเพราะอุบัติเหตุจากความชุ่ยแบบนี้เกือบ30รายทีเดียว ทั้งจากสภาพรถที่ไม่ได้ความ ซิ่งแข่งกันรับผู้โดยสาร ยิ่งพวกรถร่วมบริการสีเขียวนี่ชอบทำตัวเป็นมาเฟียประจำท้องถนน ล่าสุดรถร่วมบริการก็ทำเรื่องแย่อีกหนึ่งเรื่อง ด้วยการหยุดประท้วงเรื่องขอขึ้นค่าโดยสาร หยุดวิ่งประท้วงน่ะไม่ว่า แต่มาชุมนุมกีดขวางการจราจรของผ๔ใช้รถรายอื่นบนท้องถนนด้วยนี่น่าด่าจริงๆ <br /><br />Name : John <br /><br />แล้วรู้สึกว่าหลังจากนั้น4เดือน พรบ.กฎหมายเรื่องคอมพิวเตอร์ ก็ออกมา ซึ่งมีเรื่องบทลงโทษพวกที่ชอบโพสต์ข้อความด่าคนนั้นคนนี้เสียๆหายๆแบบโอเวอร์เกินเลย (แม้เขาจะผิดจริง) ส่วนหนึ่งก็มาจากพวกนักโพสใน พาลทิพย์ กับใน ผู้จัดเกรียน(ผู้จัดการ) พวกนี้นี่แหล่ะ <br /><br />แต่ตอนนี้ก็ยังคงมีให้เห็นได้ทั่วไปทุกแห่งที่มีการให้แสดงความคิดเห็น พรบ.ฉบับนี้ดูเหมือนจะเป็นแค่เสือกระดาษไปเสียแล้วหล่ะครับ <br /><br />edit @ 27 Nov 2008 00:04:57 by คนอ้วนใส่สูท <br /><br />-------------------------------------------------------<br /><br />ความคิดเห็นส่วนตัว ณ : นี่แหล่ะน้าคนบนโลกออนไลน์ อย่าเอาอะไรมากนัก ผ่านมาหลายปี พวกนั้นก็ดีแต่ออกความเห็นด่าคนกันเข้าไป ใครไม่เห็นด้วยกับพวกที่ไปด่านายหมูแฮมหรือด่าอะไรก็ตาม ก็ถูกหาว่าเป็นคนเลว ตอนนี้เลยอยู่ประจำแค่ที่ Thairetro เพราะคนที่นั่นมีมารยาทกว่ากันเยอะมากThailandhttp://www.blogger.com/profile/13376830479428634145noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8273883435330687915.post-56118699066228030332010-07-24T20:20:00.000-07:002010-07-24T20:34:29.470-07:00คลิปวีดีโอชายอ้วนจากรายการทีวีของประเทศอิตาลี่http://www.youtube.com/watch?v=Voybl95OZzs<br /><br />น่าดูซะจริงๆ เพลงที่เปิดประกอบก็เข้ากันกับท่าทางมากๆ<br /><br />แถมให้อีกสักหน่อย<br /><br />http://www.youtube.com/watch?v=uWqPzzpmDks&feature=related<br /><br />http://www.youtube.com/watch?v=gbArK7SdYho&feature=relatedThailandhttp://www.blogger.com/profile/13376830479428634145noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8273883435330687915.post-30171638897989824432010-04-23T09:57:00.000-07:002010-04-23T10:00:18.942-07:00คุณลุงนักวาดภาพ<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh7isrqosTBNYcyelMdDfWuOq4bMvTXCh2JZsYkLFkeS3urcxuUpKEVgeguu1P1u1VbtbqzogRjMNsYFz7vj0qzvMRD3qTSvX6klhCvgP_Q9Cq62WC12EHWd_VtNXovowvdYYb9JMt5E6p9/s1600/S24_04.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 280px; height: 400px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh7isrqosTBNYcyelMdDfWuOq4bMvTXCh2JZsYkLFkeS3urcxuUpKEVgeguu1P1u1VbtbqzogRjMNsYFz7vj0qzvMRD3qTSvX6klhCvgP_Q9Cq62WC12EHWd_VtNXovowvdYYb9JMt5E6p9/s400/S24_04.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5463378672132230978" /></a><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj5xXr9okAzzz4wXF2zRYqeygBAQeRWCelU19vVSvuAgU6SdjMr2b0NueQzkxdTE3B4M6kwABo1gMXpKfJ2wwFFiId1qvphLGXU5ZgSg2OX4G-cCfga4zB4bpPlRBnsxHV0nN8OVaPoguw4/s1600/S24_03.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 278px; height: 400px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj5xXr9okAzzz4wXF2zRYqeygBAQeRWCelU19vVSvuAgU6SdjMr2b0NueQzkxdTE3B4M6kwABo1gMXpKfJ2wwFFiId1qvphLGXU5ZgSg2OX4G-cCfga4zB4bpPlRBnsxHV0nN8OVaPoguw4/s400/S24_03.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5463378665247538386" /></a><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg9gWDy2CeLQOAeSmS2CkIkwXdGmKnyxtC31OAoRcK7dQFw6G0SP044gKAS27l5m_hi_8nI46ArlmDCZyzVqXhR1X3c019Kc7TkObmOC0l9q1_jpwr2At8H-PrbkddseaGfPvAQkslCI3pO/s1600/S24_02.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 279px; height: 400px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg9gWDy2CeLQOAeSmS2CkIkwXdGmKnyxtC31OAoRcK7dQFw6G0SP044gKAS27l5m_hi_8nI46ArlmDCZyzVqXhR1X3c019Kc7TkObmOC0l9q1_jpwr2At8H-PrbkddseaGfPvAQkslCI3pO/s400/S24_02.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5463378657171908114" /></a><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiQd5miY01U67de-NJkoJXjqdAWci8GFF770Sw_rSFTgf65vF5IdIXtktw9ThRhP-_5QQTWoA9AdrK4bR_8G4nD_Sa59dhy67PvLnX31aYr3p6js1hRJVYTwSINboFaF4WllZO2iZIcTPom/s1600/S24_01.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 277px; height: 400px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiQd5miY01U67de-NJkoJXjqdAWci8GFF770Sw_rSFTgf65vF5IdIXtktw9ThRhP-_5QQTWoA9AdrK4bR_8G4nD_Sa59dhy67PvLnX31aYr3p6js1hRJVYTwSINboFaF4WllZO2iZIcTPom/s400/S24_01.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5463378650912527938" /></a><br /><br />โหลดได้ที่ http://www.mediafire.com/?5wzmdt0tnxgThailandhttp://www.blogger.com/profile/13376830479428634145noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-8273883435330687915.post-76180130180475449442010-04-23T09:50:00.000-07:002010-04-23T09:55:36.544-07:00เช้าสดใส ของชายแก่สองคน<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiglqO0ZZkSkz6quBwEb-wKiVwGRArhaI3mhpJmMFQVHvR6YrFNo4s5j0pcSN8Dws4_nc6g9t1R2Riai6hIFimiu6JZYefBhTsR6DTSqGLvfQMcybxRhbBtcLM_BZUu45j3jgQYAePE6jaw/s1600/S25_03.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 270px; height: 400px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiglqO0ZZkSkz6quBwEb-wKiVwGRArhaI3mhpJmMFQVHvR6YrFNo4s5j0pcSN8Dws4_nc6g9t1R2Riai6hIFimiu6JZYefBhTsR6DTSqGLvfQMcybxRhbBtcLM_BZUu45j3jgQYAePE6jaw/s400/S25_03.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5463377388542007026" /></a><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiFQ2ZvqIVYZQsfHsXns7YY1doxb3CaWvTHfzOjxlWoQLI7ltlP2XIWHoc1HqsSsoeoUpTDP3RcbmAAu-kjmRSOpRwSgqFnG1z8oNs7JxgI8qTZdg5TXUqFFMZB2lHJY0-mM621weIsMApE/s1600/S25_02.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 270px; height: 400px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiFQ2ZvqIVYZQsfHsXns7YY1doxb3CaWvTHfzOjxlWoQLI7ltlP2XIWHoc1HqsSsoeoUpTDP3RcbmAAu-kjmRSOpRwSgqFnG1z8oNs7JxgI8qTZdg5TXUqFFMZB2lHJY0-mM621weIsMApE/s400/S25_02.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5463377384534255618" /></a><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhcsdCyv_qRF9Oda3vH-vqYpPRJEUTYrh3vp1tqoQTbFJddUczjN66kh6h4zLQZIXnGrI2qTSjssW3cS_CdU-KalbyEgeWjKWPquxnkL21yzCbnBt0dkB78cVH_cjiLHOu5qZnI7N3YxCH_/s1600/S25_01.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 271px; height: 400px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhcsdCyv_qRF9Oda3vH-vqYpPRJEUTYrh3vp1tqoQTbFJddUczjN66kh6h4zLQZIXnGrI2qTSjssW3cS_CdU-KalbyEgeWjKWPquxnkL21yzCbnBt0dkB78cVH_cjiLHOu5qZnI7N3YxCH_/s400/S01.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5463377373348618882" /></a><br /><br />ฉบับเต็มอยู่ที่ http://www.mediafire.com/?djyyxtdmxcgThailandhttp://www.blogger.com/profile/13376830479428634145noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-8273883435330687915.post-83572924703483326812010-04-23T09:48:00.000-07:002010-04-23T09:50:18.868-07:00ความลับของสองเรา<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEixId2vyCv_12vZ9vUhjXu4m32nUbeSad33rtFKoODdHtqF8aQBYS5HSGtAUCEvdP6PFZmZgHWx8SPm4TPQzs173F1lsKhOe5TtshWQBN-WL7cv_iDLFymptr5Cw9L8R_gz_oelaDsCb3e3/s1600/S17-english_02.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 286px; height: 400px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEixId2vyCv_12vZ9vUhjXu4m32nUbeSad33rtFKoODdHtqF8aQBYS5HSGtAUCEvdP6PFZmZgHWx8SPm4TPQzs173F1lsKhOe5TtshWQBN-WL7cv_iDLFymptr5Cw9L8R_gz_oelaDsCb3e3/s400/S17-english_02.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5463376114681141442" /></a><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiapwCm2dDzoU2-76X5-uVkmLI7O2cBuYi33MNYcv0kA_pG5Ga4q9WQ1JpBSopm891jALE1eI4voVWrtbUuHVwSArc6D8YGZRV-FUt6Z-MLCopaoYdFDuWczIN_EULRojsqX8WUqaE-W6mQ/s1600/S17-english_01.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 265px; height: 400px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiapwCm2dDzoU2-76X5-uVkmLI7O2cBuYi33MNYcv0kA_pG5Ga4q9WQ1JpBSopm891jALE1eI4voVWrtbUuHVwSArc6D8YGZRV-FUt6Z-MLCopaoYdFDuWczIN_EULRojsqX8WUqaE-W6mQ/s400/S17-english_01.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5463376105597206306" /></a><br /><br />upload ได้ที่ http://www.mediafire.com/?fac0ztxmazvThailandhttp://www.blogger.com/profile/13376830479428634145noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8273883435330687915.post-78844104027603256772010-04-23T09:34:00.000-07:002010-04-23T09:37:55.511-07:00คุราตะ จากการ์ตูนเรื่อง ฮิคารุ เซียนโกะ<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj_RrPIH5xLeZop4ttaiWZUZsWnTFBmPU7b2jjmIhIy_3K8YnrXeeP05OYguiV9Msd9yFXTAgV42sViukfu3KM9osW4s4BjwrVqoQfVm1LMIJaeQgh6SnXYIKRt7uDbQNdNRYzWy0RN8H7v/s1600/10012009392370f074234f8645.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 273px; height: 400px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj_RrPIH5xLeZop4ttaiWZUZsWnTFBmPU7b2jjmIhIy_3K8YnrXeeP05OYguiV9Msd9yFXTAgV42sViukfu3KM9osW4s4BjwrVqoQfVm1LMIJaeQgh6SnXYIKRt7uDbQNdNRYzWy0RN8H7v/s400/10012009392370f074234f8645.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5463372724014207234" /></a><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh7e0GibOhvnS1eanvXED2Fop40p0mN_o3zNwetdPmux-GPOc3ABFLQ5EhbrScWvIcGCzStmemZ_JVxurbUtvzHqbGoNq_TkTDfPYiFG_raDUqmkxmTAQiChgBF2YjRZ8ciSPvCcvyp9ReJ/s1600/1001200939a3a12b33be62d10a.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 307px; height: 400px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh7e0GibOhvnS1eanvXED2Fop40p0mN_o3zNwetdPmux-GPOc3ABFLQ5EhbrScWvIcGCzStmemZ_JVxurbUtvzHqbGoNq_TkTDfPYiFG_raDUqmkxmTAQiChgBF2YjRZ8ciSPvCcvyp9ReJ/s400/1001200939a3a12b33be62d10a.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5463372600113286258" /></a><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi6DPOWg0S2UtD0hZsFEe9RPzQPVSdJxzkxfEjNm8EUicq11vmdnTgdn9qB326J4Qs0sUpWcP3K53Cuh5DjhiqxfJxvbAYKhu1SvZMSOblM7lJ6D-Cku-OwHF0ZLt8iYu2sYMmnNrgsAaLs/s1600/1001200939b950ecbee3e2237d.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 393px; height: 400px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi6DPOWg0S2UtD0hZsFEe9RPzQPVSdJxzkxfEjNm8EUicq11vmdnTgdn9qB326J4Qs0sUpWcP3K53Cuh5DjhiqxfJxvbAYKhu1SvZMSOblM7lJ6D-Cku-OwHF0ZLt8iYu2sYMmnNrgsAaLs/s400/1001200939b950ecbee3e2237d.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5463372597922765234" /></a><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjQVu_B4z5CYHOhVfC62MhYWDTR3nHcGrUqRJVQCyDubyYLozX-JnQOdqC03i8jUcNCg1lzmXkxkbEx1HHNJGjlsSGO8907nbdu3r6I98nvb2XKPty2XE7Ikm3wiq50c2_MajYCUInHS5qE/s1600/10012009399a9b230158e44aec.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 353px; height: 400px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjQVu_B4z5CYHOhVfC62MhYWDTR3nHcGrUqRJVQCyDubyYLozX-JnQOdqC03i8jUcNCg1lzmXkxkbEx1HHNJGjlsSGO8907nbdu3r6I98nvb2XKPty2XE7Ikm3wiq50c2_MajYCUInHS5qE/s400/10012009399a9b230158e44aec.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5463372588658793938" /></a><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi5jiNnWBqbkkd-ispIseBEf-L1wDB83WH1nqLKqpdO9t4ztyjfPaQQNXIQCkXulknsnl1QufAqi5qhrSBlfl4awp115FfIQvzDhiXB6mGjnVmRe54ifcxZAehGr02kRLjM1sRVgUW3pu8b/s1600/100120093926679fbb763adafc.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 308px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi5jiNnWBqbkkd-ispIseBEf-L1wDB83WH1nqLKqpdO9t4ztyjfPaQQNXIQCkXulknsnl1QufAqi5qhrSBlfl4awp115FfIQvzDhiXB6mGjnVmRe54ifcxZAehGr02kRLjM1sRVgUW3pu8b/s400/100120093926679fbb763adafc.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5463372587063849250" /></a><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj5ZexfPAMqhqzaYDotvelQbU0xOdQPzPvhXkm-d0B_C25UNN5nB2u8ImTspkB4qy-qWElUKiLz9sFzRlNtY5pO7770uwC_V5xKd4y16KFbg5i8QW3aPY5jN1jsKgRjxPg4cbs10OgSUTiK/s1600/1001200939f42b6a0d580f7111.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 267px; height: 400px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj5ZexfPAMqhqzaYDotvelQbU0xOdQPzPvhXkm-d0B_C25UNN5nB2u8ImTspkB4qy-qWElUKiLz9sFzRlNtY5pO7770uwC_V5xKd4y16KFbg5i8QW3aPY5jN1jsKgRjxPg4cbs10OgSUTiK/s400/1001200939f42b6a0d580f7111.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5463372574390545234" /></a><br /><br />นมเป็นนม พุงเป็นพุงThailandhttp://www.blogger.com/profile/13376830479428634145noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8273883435330687915.post-25661760139384483992010-04-23T09:24:00.001-07:002010-04-23T09:33:57.998-07:00เอาการ์ตูนคนอ้วนมาฝาก<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhnIpfRFgJR0n_0I1q0vc_oDu3MYxL2qGSiygJqa-lTTlwr0Vgxzjb42EFSUnQaOwloZYw3JS3-yKlc7B7Gt_iEfAe5Id0aTW7jh8OhonQlvT6HNFhuqT2sAgbAzfGbfrrdSeNPPxQJtSll/s1600/26xx.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 294px; height: 400px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhnIpfRFgJR0n_0I1q0vc_oDu3MYxL2qGSiygJqa-lTTlwr0Vgxzjb42EFSUnQaOwloZYw3JS3-yKlc7B7Gt_iEfAe5Id0aTW7jh8OhonQlvT6HNFhuqT2sAgbAzfGbfrrdSeNPPxQJtSll/s400/26xx.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5463371278511702770" /></a><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh4x_KUp4ItCgsnIZV5NpfeWIar2OU_MNLODgaaZ7dbGCHND4X_lVa1dJoRa8cLxBGasvOQmXiKpm-3WeTPXv6C7iZX4NhZRs9aNY8XV2YDix-Lt4abTDzwX5-p0sTdrhQQrUmiow6JCqK2/s1600/022.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 312px; height: 400px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh4x_KUp4ItCgsnIZV5NpfeWIar2OU_MNLODgaaZ7dbGCHND4X_lVa1dJoRa8cLxBGasvOQmXiKpm-3WeTPXv6C7iZX4NhZRs9aNY8XV2YDix-Lt4abTDzwX5-p0sTdrhQQrUmiow6JCqK2/s400/022.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5463371273975628098" /></a><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhLjaalwIuPkSFylwKjpjhmC0ltUJfentJHI1tpsbX-TqHFFCl7ZNMzZSw4oKoDR_VawS_xjU-6ETFZDQMK49zVNc2mWSKqTBRMyWYUrIl-51KQL0Xl8gFk42xb3fbSX6fWgsGlM2ESBGtk/s1600/15x.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 294px; height: 400px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhLjaalwIuPkSFylwKjpjhmC0ltUJfentJHI1tpsbX-TqHFFCl7ZNMzZSw4oKoDR_VawS_xjU-6ETFZDQMK49zVNc2mWSKqTBRMyWYUrIl-51KQL0Xl8gFk42xb3fbSX6fWgsGlM2ESBGtk/s400/15x.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5463371266979895762" /></a><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhNBuA8AgovIQBIb9HrYPJblmYqlYtwP_BOneXMP3oK-K0nUSt9qIi8Zv9OF11V_5LD6_A1bYvgBI6UyApqe3iRyzMh2AAqtIUglp7OQRQN-jDGJz3SN63y2ppkC1ZE6HBsc5N3XQYk-hqw/s1600/12x.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 294px; height: 400px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhNBuA8AgovIQBIb9HrYPJblmYqlYtwP_BOneXMP3oK-K0nUSt9qIi8Zv9OF11V_5LD6_A1bYvgBI6UyApqe3iRyzMh2AAqtIUglp7OQRQN-jDGJz3SN63y2ppkC1ZE6HBsc5N3XQYk-hqw/s400/12x.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5463371259637658002" /></a><br /><br />สำหรับผู้ที่อยากเห็นแบบ วาบหวามกว่านี้ ไปที่ link ข้างล่านี่เลยครับ<br /><br />http://www.mediafire.com/?zizdkldcmgi<br /><br />ขนาดไฟล์ 1.78 MB ดีๆทั้งนั้นเลยThailandhttp://www.blogger.com/profile/13376830479428634145noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-8273883435330687915.post-65637178818432970762010-04-20T00:32:00.001-07:002010-04-20T00:32:56.497-07:00Singapore ดีกว่าไทย....Think Againแน่นอนครับ ที่ Singapore เรียนฟรี (ฟรีจริงๆ), เงินเดือนเยอะ, แหล่งช็อปปิ้งเพียบ, สวัสดิการหลายอย่างดี, บ้านเรือนสะอาดสะอ้าน และ LEGO ถูกกว่าไทย แต่...<br /><br />1.ที่นี่ ประชาชนไม่มีสิทธิ์ในการครอบครอง เครื่องรับสัญญาณดาวเทียม/จานดาวเทียม หรือมีเคเบิ้ลทีวีแบบบ้านเรา เพราะทางรัฐ,บาลเขาควบคุมเอาไว้ แต่ช่องที่รัฐบาลส่งมาให้ดู ก็มี CNN กับ ESPN ด้วยนะ (แต่สำหรับผม มันจะอกแตกตายครับ ให้ดูแค่ไม่กี่ช่องเนี่ยนะ)<br /><br />2.ถ้าคิดว่ารถยนต์เมืองไทยราคาแพงแล้ว ที่นี่เหรอครับ ภาษีรถยนต์นั้นสูงมโหราฬ เนื่องจากที่นี่ไม่มีโรงงานประกอบรถยนต์ รถยนต์ที่ขายอยู่ไม่ว่าจะยี่ห้อใด จึงต้องนำเข้าสภานเดียว แม้แต่รถยนต์ญี่ปุ่นคันเล็กๆระดับธรรมดาๆ ราคาก็ขึ้นไปถึงเฉียดล้าน จนทะลุหลักล้านบาทไทย และก็เป็นยี่ห้อและรุ่นที่มีวิ่งเกลือนกลาดในบ้านเรานี่แหล่ะ (และนำเข้าจากบ้านเรา) จะมีถูกหน่อยก็พวกรถที่จัดเข้าประเภท weekend car ที่จะใช้ป้ายทะเบียนสีแดง ราคารถยนต์และค่าต่อประกันก็ถูกกว่าระดับปกดติ 30% ขับได้เฉพาะวันหยุดเท่านั้น ถ้ามีเหตุฉุกเฉินจะนำมาขับในวันะรรมดาก็ได้ แล้วค่อยไปจ่ายภาษีเพิ่มเติมทีหลัง เพราะรภทุกคันจะมีหล่องสีดำติดตรงกระจก เป้นเหมือนเครื่องติดตามรถคันนั้น และข้อมูลการต่อทะเบียนกับข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องและจำเป็น<br /><br />3.และกฎหมายที่นี่ บังคับให้รถยนต์ทุกคันต้องทำประกันภัย ที่สำคัญ ค่าต่อประกันภับรถยนต์ต่อปีนั้น สูงถึง 50,000 บาทเลยหล่ะ<br /><br />4.ยังไม่พอ การจะมีรถยนต์สักคัน ต้องมีหลักฐานยืนยันเรื่องการมีที่จอดรถเป็นของตัวเองด้วยนะ ไม่ใช่เหมือนบ้านเราที่จะไปจอดข้างทางตรงไหนก็ได้ คนรวยที่นั่นน่ะ มีรถยนต์มากสุดก็แค่ 2 คันเท่านั้น<br /><br />5.อยากจะเลี้ยงหมาสักตัวงั้นเหรอครับ เห็นว่าขนาดแค่ลูกหมาชิวาว่าตัวเล็กๆ ราคาขึ้นไปแตะยัน 4,000 เหรียญแล้ว และต้องมีบ้านเป็นของตัวเองด้วยนะ แต่ที่นั่นเขาก็สนับสนุนให้เด็กๆเลี้ยงสัตว์เพื่อฝึกความรับผิดชอบ (คำบอกเล่าจาก คุณโจ ไกด์ทัวร์ของ trip นี้ เป็นคนสิงค์โปร์แต่พูดไทยได้ชัดมาก)<br /><br />6.และที่นี่มีกฎหมายว่า บ้านและอาคารจะต้องทาสีทุกๆ 5 ปี บ้านเก่าเกิน 30 ปี ต้องรื้อทิ้ง<br /><br />7.ที่นีจะมีที่อยู่อาศัยทั้งของรัฐบาลและเอกชน พวกที่มีรายได้เกินกว่ากำหนด จะมาทำตัวขี้งกด้วยการยังอยู่ในที่อยู่อาศัยของรัฐบาลไม่ได้ ต้องไปหาที่อยู่ของเอกชน ส่วนพวกรายได้ไม่ถึง จะไปทำตัวใฝ่สูงเกินศักดิ์ (และกำลังเงิน) อยู่ในที่อยู่อาศัยแพงๆของเอกชนก็ไม่ได้ แล้วที่อยู่อาศัยที่นี่ ถูกซะทีไหนหล่ะครับ คนส่วนใหญ่ที่อยู่คอนโดฯก็ถือว่าสุดยอดแล้ว ใครมีบ้านนี่ ถือว่าต้องรวยมากๆ<br /><br />8.ลืมบอกไป ที่นี่น้ำมันเบนซิน ลิตรละ 60 บาท รายได้สูง แต่รายจ่ายก็สูงตาม<br /><br />9.ถ้าคิดว่าสินค้าอย่างอื่นจะราคาถูกตาม LEGO นั้น ผมมีตัวอย่างเจ๋งๆจะให้ดูครับ<br /><br />-Memory Stick ขนาด 8 GB เมืองไทยขาย 500 กว่าบาท ที่นี่ราคาพุ่งไป 600 กว่าๆ อาจะแตะ 700 บาท, Memory Stick ขนาด 8GB ของ Sony ราคาขายที่นี่สูงถึง 60 เหรียญสิงค์โปร์<br />-กล้อง Canon 5D เฉพาะตัว body นั้น ที่นี่ขาย 38,000 บาท ในขณะที่เมืองไทย ราคาแค่ 33,000 บาท<br />-เครื่องเล่นวีดีโอเกมก็เหมือนกันครับ ราคาไม่ต่างจะเมืองไทย ที่ Singapore เครื่อง Wii ขายในราคา 599 เหรียญสิงค์โปร์ คิดเป็นเงินไทนราวๆ 9,500 กว่าบาท ซึ่งเมืองไทยก็ขายในราคานี้ (แถมแปลงเครื่องเล่นข้ามโซนแล้วด้วย) เครื่องเกมอื่นๆอย่าง PS3, XBOX360 ก็ดูท่าจะพอๆกัน แต่ที่นี่แผนกเกมในห้างฯดูเป็นสัดส่วนและใหญ่ดีครับ<br />-พวกโทรศัพท์มือถือ ราคาไม่ต่างจากบ้านเรา<br />-เสื้อผ้าและกระเป๋าแบรนด์เนม มีแค่บางรายการที่ถูกกว่าในบ้านเรา แต่เห้นว่าพวกนาฬิกาข้อมือ มีคนในทัวร์พูกมาว่า แพงกว่าในไทย<br />-อาหารยิ่งไม่ต่องถามถึงครับ มื้อหนึ่งอย่างถูกสุดก็ราคาทะลุ 3 เหรียญสิงค์โปร์ขึ้นไป..น้ำอัดลมแบบกระป๋องที่นี่น ราคาถูกสุดก็กระป่องละ 1 เหรียญสิงค์โปร์ (แพงกว่าไทยเกือบเท่าตัว) ในร้านสะดวกซื้อ ราคาอาจะแตะ 1.8 หรือ 2 เหรียญสิงค์โปร์ แล้วราคาของน้ำอัดลมกระป๋องแต่ละยี่ห้อ ไม่เท่ากันซะงั้น ทั้งที่ความจุของกระป๋องก็เท่ากัน<br /><br /> แค่เรื่องรถยนต์กับจานดาวเทียม ก้ทำให้ผมคิดอย่างไม่ต้องลังเลเลยว่า อยู่เมืองไทยดีกว่า<br /><br /> หมายเหตุ<br /><br />-ช่วงที่ผมไปเที่ยวนั้น 1 เหรียญสิงค์โปร์ เท่ากับราวๆ 24 บาทไทย<br />-ที่นี่ รถยนต์ยี่ห้อ Subaru ค่อนข้างได้รับความนิยม แม้ราคาขายจะแพงขึ้นหิ้งเหมือนรถยนต์ญี่ปุ่นยี่ห้ออื่นๆ<br />-Lucky Plaza ในย่าน Orchard บรรยากศเหมือน Pantip Plaza และ มาบุญครอง ในบ้านเราเป๊ะ<br />-Arcade Game ที่ห้างฯ Iluma บนถนน Queens (โรงแรมที่ผมพักอยู่ฝนย่านนี้) มีพื้นที่กว้างมาก 1 ใน 3 ของชั้นนั้นเต็มไปด้วยตู้เกมหลากแบบ ใหญ่โตโอ่อ่า สะอาดสะอ้าน คนรัก Arcade Game ต้องชอบแน่ๆ<br /><br />ของที่ระลึกที่ผมได้กลับมา มี LEGO CITY จำนวน 3 ได้แก่ mini car, repair truck และ passenger plane 2 กล่องแรก ซื้อจากหางฯแถว Malay Street ซึ่งเดินข้ามทางเชื่อมต่อจาก Iluma ไปยังถนนอีกฟากหนึ่ง กล่องสุดท้ายไปสอยที่ Toy R'Us ในห้างฯ Paragon บนถนน Orchard<br />(69.99 เหรียญ ไม่ซื้อ..ก็บ้าแล้ว)<br /><br />ไว้พ่อผมกลับจากอบรมการถ่ายภาพที่จังหวัดอยุธยาเมื่อไหร่ จะเอาภาพจตอเที่ยวมาให้ดูกัน เพราะภาพถ่ายตลอดการท่องเที่ยวทั้งหมดอยู่ในกล้อง Canon 450D และมือถือของพ่อผมซึ่งพ่อผมเอาไปด้วย<br /><br />คุ้มค่าจริงๆ กับการไปเที่ยวครั้งนี้ เสียดาย ในโปรแกรมทัวร์ ไม่มี Singapore Flyer ชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุดในโลก <br /><br />แถมส่งท้าย update ราคา LEGO CITY ที่สิงค์โปร์ (SGD)<br /><br />8398 (BBQ Stand) :6.90 (165.60 บาท)<br />7942 (4WD Fire Pick-Up Truck) :20.50 (492 บาท)<br />3178 (Sea Plane) :19.90 (477.6 บาท)<br />7637 (Farm) :152.90 (3669.6 บาท)<br />เพลทถนน :25.90 (621.6 บาท)<br />8401 (Sport Car) : 16.90 (405.6 บาท)<br />7744 (Police Headquarter) :199.90 (4797.6 บาท)<br />3180 (Tank Truck) : 39.90 (957.6 บาท)<br />7743 (Police Commander) :89.90 (2157.6 บาท)<br />7741 (Police Helicopter) :29.90 (717.6)<br />3182 (Airport) :189.90 (4557.6 บาท)<br />Tow Truck : 24.90 (597.6 บาท)<br /><br />ดูเหมือนว่างานนี้ ใครบางคนใน Thaibrickclub ควรถอนคำพูดบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องราคา LEGO ในไทยได้แล้วหล่ะThailandhttp://www.blogger.com/profile/13376830479428634145noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8273883435330687915.post-34687192575927566162010-04-14T10:52:00.000-07:002010-04-14T10:53:11.238-07:00เคเบิ้ลทีวี และ ทีวีผ่านดาวเทียม คือสิ่งที่วิเศษที่สุดของมวลมนุษย์3 ปี ที่ครอบครับผมได้นำสิ่งที่เรียกว่า True Viisions เข้ามาในบ้าน และมันก็ไม่เคยให้ผมและครอบครัวต้องผิดดหวัง มีสารคดีเยี่มๆให้ดู หนังแบบรรยายไทย ฟุตบอลถ่ายทอดสดตั้งหลายคู่ รายการโชว์จากต่างประเทศหลายรายการที่มีสาระ ตอนเริ่มต้น เราใช้แค่ Knowledge จนเมื่อราวๆมีนาคม ปี 2009 พ่อผมก็ได้ไปเปลี่ยนเป็น Gold และขยายจุดรับชมเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งจุด จนตอนนี้ บ้านผมมีจุดรับชม 3 จุด และไม่เคยคิดที่จะไปยกเลิกการเป็นสมาชิกเลย<br /><br /> ก่อนหนานี้ครอบครัวก็ดูเคเบิ้ลทีวี ที่บริการโดยผู้ให้บริการเจ้าหนึ่งในจังหวัดที่ผมอยู่ ซึ่งก็ทำให้ผมพอใจได้ในระดับหนึ่ง แม้จะไม่แจ่มเท่า True Visions แต่ก็ดีกว่า free tv<br /><br /> อย่างน้อย การมีเคเบิ้ลทีวี หรือ โทรทัศน์ผ่านดาวเทียมอย่าง True Visions ก็ยังดี กว่าการดู free tv ที่มีแต่<br /> -ข่าวจากผู้ประกาศข่าว ที่แทบจะไม่มีความเป็นกลาง แสดงอารมณืด้วยอคติส่วนตัว<br /> -SMS ความคิดเห็นบ้าบอคอแตก ดูจากถ้อยคำที่ใช้แล้ว ไม่น่าเชื่อว่า นี่หรือคนมีการศึกษาเขาทำกัน<br /> -ละครน้ำเน่าห่วยๆ<br /> -และอีกสารพัดสิ่งที่ผมสุดที่จะทนกับมัน<br /><br /> free tv ห่วยแตก พอๆกับคนหลายคนที่ผมต้องคอยทนด้วยตอนเรียนอยู่ตั้งแต่ชั้นประถทยันมหาวิทยาลัย พอๆกับคนหัวโบราณบางคนที่ผมเคยยกมือไหว้ และอีกหลายคนที่เคยเข้ามาในชีวิตผมแบบ กวนteen <br /><br /> สวสัดี เคเบิ้ลทีวี แล โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม หนึ่งในสิ่งที่ยอดเยี่ยมของมวลมนุษย์สร้างสรรมันขึ้นมา ความบัเทิงชั้นเยี่ยมส่งตรงถึงห้องนอนคุณตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อเครียดกับอะไรก็ตาม รายการทีวีจากเครือข่ายผู้ให้บริการเหล่านี้นี่แหล่ะ ที่ทำให้ผมมีความสุขได้<br /><br /> สารคดีเยี่ยมๆ จาก History, National Geographic และช่อง True Explorer 3 (พร้อมพากย์ไทยให้ด้วย)<br /> หนังบรรยายไทยแจ่มจาก HBO, cinemax, Star Moive (ที่ไม่มีทำเบลอในบางจุด ลาก่อนเซ็นเซอร์ เสียงพากย์ไทยแบบงี่เง่าและดูถูกภูมิปัญญาคนดู)<br /> การตูนดีๆจากช่อง Spark และ Cartoon Network<br /> และรายการโชว์จากต่างประเทศแจ่มๆทาง True X-Zyte<br /><br /> ส่วนพวกคอกีฬาลูกหนัง ลูกสักหลาด และกีฬาอื่นๆก็จุใจกับช่องกีฬาอีกมากมายที่เกินจะพรรณนาได้<br /><br /> ฉันรักเคเบิ้ลทีวี และ ทีวีผ่านดาวเทียม มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ความบันเทิงชั้นเยี่ยมในบ้านคุณ<br /><br /> แต่ก้ยังไม่วาย มีไอ้คนบางจำพวก บอกว่าโทรทัศน์คือสิ่งที่แย่ การมีทีวีหลายร้อยช่องไว้ดูคือสิ่งไร้ประโยชน์ โดยเอาข้ออ้างเรื่องพฤติกรรมของเด็กจากทีวีมาเป็นเหตุผล และอีกสารพัดอย่างที่แสดงออกว่าเป็นพวกต่อต้านสิ่งเหล่านี้ ผมขอจองเวรและขออาฆาตแค้นพวกนี้ทุกคน แบบที่หลายๆคนในที่นี้มีต่อพวกนำจับลิขสิทะนั่นแหล่ะครับ<br /><br /> รวมถึงพวกที่ออกมาพูดแบบนี้ต่อวีดีโอเกม ผมก็ขอจงเกลียดจงชังด้วยเช่นกัน คนพวกนี้ก็พอๆกับ free tv นั่นแหล่ะ (ห่วยแตก งี่เง่า)<br /><br /> ขอลั่นวาจาไว้เลยว่า ถ้าผมมีลูกมีหลาน ผมยินดีที่จะให้พวกเขารับความบันเทิงจากเคเบิ้ลทีวีและทีวีผ่านดาวเทียม โดยไม่สนคำพูดของพวกสมาคมผู้ปกครองหรือใครกับหน่วยงานอะไรที่ออกมาพูดต่อต้านพวกนั้นเลย (และโลกความเป้นจริง มนก็ไม่ได้ต่างกันกับในทีวีหรอก)<br /><br /> ใช้ชีวิตอยุ่กับการดูทีวีผ่านดาวเทียม ดีกว่าต้องไปทนอยู่กับพวกงี่เง่า กวนteen หัวโบราณ แบบที่ผมเจอมา<br /><br /> ได้ระบายซะที เฮ้อThailandhttp://www.blogger.com/profile/13376830479428634145noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8273883435330687915.post-67672774089718613762010-04-09T13:37:00.000-07:002010-04-09T13:39:01.637-07:00สุดยอดกลโกงแห่งยุคดิจิตอล (สาระความรู้จากรายการ The Real Hustle ช่อง True X-Zyte)1. ATM ปลอม<br /><br />ใครๆอาจเคยได้ยินเรื่องพวกมิจฉาชีพแอบเอาอุปกรณ์แปลกๆไปติดตั้งไว้ตามตู้ ATM เพื่อขโมยข้อมูลบัตรของเหยื่อที่มาใช้บริการ แต่ครั้งนี้มาเหนือเมฆแบบสุดๆครับ ปลอมมันทั้ง ตู้ นั่นแหล่ะ<br /><br />ด้วยการทำตู้ ATM ปลอมขึ้นมาเลย ทำสีสันเหมือนตู้ ATM แท้ๆทุกประการ ข้างในมีกลไกแบบตู้ ATM จริงๆ ปุ่มกดและจอภาพด้านนอกก็เช่นกัน โดยมิจฉาชีพจะนำตู้นี้ไปตั้งไว้ในย่านที่มีคนผ่านไปมาบ่อยๆ ตอนขนไปแน่นอนก็ดูเหมือนเป็นคนของธนาคารมาทำการติดตั้ง ในนั้นจะมีคนแอบซ่อนอยู่ พร้อมด้วย laptop หนึ่งเครื่องพิมพ์ตอบโต้กับเหยื่อที่มาหลงใช้บิรการ พร้อมทั้งเครื่องอ่านรหัสบัตรของเหยื่อ และมีกล้องเล็กๆซ่อนไว้จับภาพที่แป้นกดด้วย รอบๆตู้จพมีพรรคพวกคอยดุลาดเลากับส่งน้ำและอาหารให้พรรพวกในตู้ เมื่อเหยื่อมาใช้บริการ หลังจากสอดบัตรเข้าไปแล้วกดรหัส เครื่องก็จะบอกว่าไม่สามารถทำรายการได้ เหยื่อจากไป แต่มิจฉาชีพได้ข้อมูลในบัตรไปมูลค่าหลายหมื่นปอนด์ ในเวลาแค่ 2 ชั่วโมง กับเหยื่อ 25 ราย<br /><br />2. Wi-Fi ปลอม<br /><br />ตามโรงแรมใหญ่ๆในต่างประเทศ (ไม่รู้ในไทยมีหรือเปล่า) จะมีบริการ Wi-Fi แบบที่ผู้ใช้ต้องจ่ายเงินโดยจ่ายผ่านบัตรเครดิต ดดยกรอกรหัสและทำกระบวนการต่างๆผ่านหน้าจอ latop ของตัวเอง และวิธีนี้ก็เปิดช่องโหว่ให้มิจฉาชีพด้วยการตั้งเครือข่าย Wi-Fi ปลอมบริเวณนนั้น ตัวมิจฉาชีพที่มาพร้อมกับ laptop ก็ดูกลมกลืนเหมือนคนอื่นใน lobby ใน laptop นั้นก็จะปล่อยสัญญาณ Wi-Fi ออกมา บรรดา laptop ของแขกทที่มาใช้เครือข่ายแถวนั้น ก้จะจับสัญญาณที่แรงและใกล้ที่สุด ซึ่งก็คือจาก latop ของมิจฉาชีพ และหลงคิดว่านั่นคือเครือข่ายที่ไว้ใจได้ซึ่งบริการโดยโรงแรม เมื่อเหยื่อตัดสินใจ log-in เข้าใช้โดยจ่ายเงินผ่านรหัสบัตรเครดิต ข้อมูลบัตรเครดิตของเหยื่อก็ถูกขโมยไปเรียบร้อยแล้ว<br /><br />3. สมัครงานปลอมๆ<br /><br />นี่ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคลของกลุ่มมิจฉาชีพที่ดูแนบเนียนอีกวิธีหนึ่ง โดยการเปิดบริษัทลักษณะคล้ายเป็นนายหน้าจัดหางาน โดยเช่าพื้นที่ในตึกสำนักงานสักแห่ง แล้วเมื่อมีคนหลงเข้ามาตามประกาศสมัครงาน ก็จะพบกับกลุ่มมิจฉาชีพที่แต่งตัวดูน่าเชื่อถือ ลักษณะภายในตัวสำนักงานที่ดูดี โดยเหยื่อจะถูกให้กรอกข้อมูลส่วนตัวในคอมพิวเตอร์ที่เตรียมไว้ให้ในอีกห้องหนึ่ง ดดยพวกมิจฉาชีพก็จะอยู่อีกห้องเพื่อคอยดุข้อมูลที่เหยื่อกรอกผ่านทางคอมพิวเตอร์ของตนที่เชื่อมต่อกันไว้อยู่ ข้อมูลที่กรอกไปนั้นมีแม้กระทั่งเลขที่บัญชีธนาคาร รหัสประกันสังคม และอื่นๆอีกมาก<br /><br />4. เคาเตอร์คิดเงินปลอม<br />อีกกลโกงที่สุดเสี่ยงและใจกล้ามากๆถึงจะทำได้ โดยมักจะเกิดในห้างฯใหญ่ๆ ตามช่วงเทศกาลที่มีการจับจ่ายอย่างวุ่นวาย (เช่น คริสมาสต์ วันขอบคุณพระเจ้า) ซึ่งมักจะมีเรื่องพนักงานดุแลไม่ทั่วถึง ก็เลยเปิดช่องโหว่ให้เกิดกลโกงนี้ขึ้นจากเหล่ามิจฉาชีพ โดยพวกเคาจะเลือกสักมุมในห้างฯที่ไม่มีพนักงานหรือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาดูแล (เพราะมัวแต่ไปอยู่ในจุดอื่น อันเป็นปัญหาในช่วงเทศกาล ห้างฯในมืองไทยก็เป็นเหมือนกัน พอช่วงเทศกาลที่มีการซื้อของเยอะๆ พนักงานก็วุ่นวายและดูแลไม่ทั่วถึง) มิจฉาชีพกลุ่มนี้จะมาพร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่ ที่ข้างในมี เครื่องคิดเงินแบบที่ทางห้างฯใช้ จัดการตั้งเครื่องบนเคาเตอร์สักแห่ง และแน่อน มันพร้อมทำการหลอกดูดเงินจากเหยื่อแล้ว ด้วยความวุ่นวายช่วงหน้าเทศกาล เหยื่อก็เข้ามาใช้บริการโดยไม่รู้ตัว มิจฉาชีพก็ได้เงินไปฟรีๆอื้อซ่า ระหว่างนี้ก็จะมีพรรคพวกคอยดูลาดเลา เหยื่อรายไหนที่ใช้วิจ่ายด้วยบัตรเงินสดหรือบัตรเครดิตนั้น ก้แน่นอนว่าถูกขโมบข้อมูลในบัตรไปแล้ว (มิจฉาชีพก็จะบอกว่าเครื่องมีปัญหาหลังทำการรูดบัตรกับตัวเครื่องคิดเงิน) เหยื่อที่หิ้วของออกไปก้เสี่ยงโดนจับเพราะคิดว่าขโมยในห้างฯของได้ เพราะมันไม่ใช่การจ่ายเงินจริงๆ<br /><br />กลโกงของมิจฉาชีพตามห้างฯช่วงเทศกาล ยังมีอีกรูปแบบคือ บริการห่อของฟรี โดยทำเป็นสุ้มเล็กๆที่ลูกค้าไม่เห็นตอนห่อของ แน่นอนว่าของข้างในก็ถูกสับเปลี่ยน กว่าเหยื่อจะรู้ตัวก็สายเสียแล้ว<br /><br />5. คิดสักนิด ก่อนทิ้งเอกสารบางชิ้น<br /><br />เพราะมันอาจมีข้อมูลสำคัญของคุณอยู่ในนั้นที่คุณำม่คิดว่าพวกมิจฉาชีพจะเอาไปใช้ทำอะไรได้ พวกใบเสร็จต่างๆด้วย ถ้าคุณทิ้งโดยไม่ทำลายมันอย่างดี พวกมิจฉาชีพก้จะไปคุ้ยมันจากถังขยะได้ และข้อมูลสำคัญพวกนี้ วพกมิจฉาชีพสามารถนำไปใช้แอบอ้างเพื่อทำบัตรเครดิต เช่าซื้อรถยนต์ และอื่นๆได้สบาย<br /><br />ใครเคยดูรายการที่ผมดูก็อาจจะนึกออก รวมถึงกลโกงเรื่องอื่นๆที่สุดทึ่งและแนบเนียน มันอาจะเป็นเรื่องของเมืองนอกเมืองนาเขา แต่การต้มตุ๋นหลอกลวงมันมีพรมแดนซะที่ไหนหล่ะครับThailandhttp://www.blogger.com/profile/13376830479428634145noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8273883435330687915.post-56998572614279208142010-04-06T06:43:00.000-07:002010-04-06T06:45:16.838-07:00สารพัดเรื่อง ตอแหล ที่มากับ forward mailถ้าได้รับ forward mail เกี่ยวกับเรื่องต่อไปนี้ มันเป็นเรื่อง "ตอแหล" ครับ <br /><br />1. เมื่อคุณโดนจี้ที่ตู้เอทีเอ็ม โดยบังคับให้กดเงิน ให้กดรหัสเอทีเอ็มย้อนหลัง แล้วกด ตกลง ระบบจะทกการแจ้งธนาคารว่าลูกค้ามีปัญหาที่ตู้นั้น และระบบจะทำการเรียกตำรวจโดยอัตโนมัติให้มายังที่เกิดเหตุในทันที <br /><br />อีก3เรื่อง ตอแหล ที่เกี่ยวกับมือถือ <br /><br />2. ถ้ารถคุณใช้กุญแจรีโมต หรือมีกันขโมยแบบรีโมต แล้วเดิดลืมกุญแจหรือตัวรีโมตไว้ในรถ หรือทำมันหาย ให้ใช้มือิถือโทรไปหาคนที่บ้านที่เก็บรีโมตสำรองไว้ ให้คนๆนั้นนำรีโมตมาจ่อที่หูโทรศัพท์ และเราก็นำมือถือของเราจ่อที่ข้างประตูหรือใกล้จุดรับสัญญาณรีโมต แล้วให้ทางนั้นกดรีโมตเพื่อเปิดรถ สัญญาณจากรีโมตจะส่งผ่านมือถือมาแล้วเปิดประตูรถได้ <br /><br />3.เมื่อแบ็ตเตอรี่มือถือคุณหมด ให้กด *3370# แล้วโทรออก เครื่องจะเรียกพลังสำรองออกมาใช้ในกรณีที่คุณต้องการโทรฉุกเฉิน <br /><br />4.หลังเหตุระเบิดที่ลอนดอน ปี2005 คุณสามารถใช้มือถือของคุณโทรไปยังหมายเลขของศูนย์ฉุกเฉิน 112 ได้จากทุกแห่งทั่วโลก แม้ตัวเรื่องจะอยู่นอกพื้นที่บริการก็ตาม เพราะหมายเลขฉุกเฉินนี้ บริการเฉพาะในเขตยุโรปเท่านั้นครับ <br /><br />ได้ดูมาจากรายการ america most want ช่อง true explore 3 ที่พูดถึงเรื่อง ข้อมูลต่างๆผ่านอีเมลที่ดูเหมือนเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ในกรณีฉุกเฉินแต่แท้จริงมันไม่ใช่ และทางรายการก็ได้ทดลองให้เห็นกับตาว่าวิธีการเหล่านั้นไม่จริง ผมเคยเห็นอีเมลเรื่องเปิดรีโมตกันขโมยรถผ่านมือถือมาแล้วเช่นกัน <br /><br />และมีอกหลายเรื่องที่หลายคนในนี้คงเคยอ่านเคยเจอผ่านเมล ซึงผมได้ดูจากรายการทีวีที่เกี่ยวกับการค้นหาความจริงเพื่อพิสูจน์เรื่องเล่าเหล่านี้ และต่อไปนี้ก็เป็นเรื่องที่หลายคนคงเคยเจอผ่าน forward mail และพิสูจน์มาแล้วว่า ตอแหล เช่นกัน <br /><br />-แก๊งค์ที่หลอกมอมยานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จนสลบแล้วผ่าตัดขโมยไตนักท่องเที่ยคนนั้นไปขายในตลาดมืด และทิ้งให้นอนแช่อ่างอาบน้ำที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งในห้องพักโรงแรม เรื่องนี้ก็ไม่จริง เพราะการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ กร๊ปเลือดของตัวคนรับและเจ้าของจะต้องตรงกันและมีรายละเอียดปลีกย่อยทางการแพทย์พอสมควร จะอยู่ๆก็เอาไตอีกคนมาใส่ให้อีกคนเหมือนเอา RAM จากคอมฯอีกตัวไปใส่คอมอีกตัวไม่ได้ และเรื่องเล่านี้ก็มีการปรับเปลี่ยนหลายเวอร์ชั่น บางทีก็เริ่มว่า ผู้ชายไปหิ้วอีตัวจากข้างถนนแล้วพาเข้าโรงแรม และเจอเรื่องแบบเดียวกัน <br /><br />-คนที่แอบอยู่ใต้ท้องรถแล้วคอยเชือดข้อเท้าของเหยื่อเพื่อฆ่าชิงทรัพย์ หรือฆ่าแล้วเอาอวัยวะไปขายในตลาดมืด รวมถึงเรื่อง ฆาตรกรหลังเบาะรถของผู้หญิง ที่ปรับเปลี่ยนหลายเวอร์ชั่น บ้างก็บอกว่า ผุ้หญิงคนหนึ่งขับรถไปเติมน้ำมัน แต่สักพักอยู่ๆพนักงานปั๊มก็มาเรียกให้ลงจากรถแล้วบอกว่าบัตรเครดิตที่คุณจ่ายมีปัญหา ให้เข้าไปในออฟฟิศเพื่อคุยโทรศัพท์กับบริษัทบัตรเครดิต พอลงจากรถแล้สวเข้าไป พนักงานปั๊มก็คว้าตัวผุ้หญิงแล้วชี้ให้ดูที่เบาะหลังรถ พบว่ามีคนแปลกหน้านั่งอยู่ ผู้หญิงคนนั้นตกใจมาก คนพวกนั้นเป็นแก๊งค์ที่ฆ่าคนเพื่อเอาอวัยวะไปขายในลาดมืด เรื่องเล่าประเภทแก๊งค์ที่ฆ่าคนเพื่อเอาอวัยวะไปขายนตลาดมืด โดยวิธีการแอบเพื่อจู่โจมเหยื่ออย่างไม่คาดคิดมีเยอะมาก โดยเพาะเรื่องเล่าผ่านทาง forward mail ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นจริง <br /><br />-หรือเรื่องเล่าประเภท นักกอล์ฟถูกจระเข้ฆ่าแล้วกินหายไปทั้งตัว ในสนามกอล์ฟที่มีบังเกอร์น้ำและมักมีจระเข้อาศัยอยู่บางครั้ง สนามกอล์ฟที่มีบังเกอร์น้ำบางแห่งมีจระเข้จริงๆแถวบังเกอร์นั้น แต่ไม่เคยมีรายงานว่ามีนักกอล์ฟถูกจระเข้กินทั้งตัวหรือทำร้ายจนตายแม้ตแน้อย เรื่องนี้ถูกforwardผ่านเมลมาหลายปีแล้ว <br /><br />-หรือเรื่อง หญิงแก่ที่พาหมาไปอาบน้ำ แล้วอบแห้งในเตาไมโครเวฟด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการ จนหมาตาย นี่ก็อีกเรื่องโกหกระดับคลาสสิคอีกเรื่องเช่นกันที่ถูกเล่ากันมาตั้งแต่เตาไมโครเวฟเริ่มราคาถูกพอที่คนทั่วไปจะหาซื้อมาใช้กันได้ บางเรื่องก็เปลี่ยนไปเป็นแมว หนูแฮมสเตอร์ก็มี <br /><br />-กับเรื่อง ฆาตรกรไฟสูง(high-beam killer) ที่มักจะขับรถแล้วดับไฟหน้าตอนกลางคืน แล้วพอใครเปิดไฟสูงเตือน มันจะหักรถกลับมาไล่ตามฆ่าคุณ ด้วยจุดประสงค์ที่เปลี่ยนไปหลายเวอร์ชั่น <br /><br /> ผมเจอforward mailเรื่องประหลาดๆเยอะมาก บางอันดูแล้วถ้ามันเป็นจริงๆ คงเป็นข่าวดังระดับประเทศไปแล้ว บางทีภาพกระกอบที่เป็นไฟล์แนบก็ดูเหมือนใช้ photoshop ทำเอา กับเมลประเภทพบแมลงสาบในแก้วน้ำโรงหนังชื่อดัง ผลิตภัณฑ์พวกของใช้ใกล้ตัวที่มีปัญหารุนแรง หรือเมลประจานร้านอาหารหรือร้านค้าที่บริการด้วยคำพูดและกริยาแบบนักเลง บางอันก็ได้แต่อ่านแล้วถามว่า ทำไมมันไม่เป็นข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ และบางทีก็อาจจะเป็นฝีมือของพนักงานระดับลูกกระจ๊อกของร้านค้าหรือบริษัทคู๋แข่ง หรือเรื่องรถมีปัญหาก็อาจจะมาจากคนที่เคยถูกยึดรถไปเพราะไม่มีเงินผอน แล้วมาทำforward mailว่ารถนั้นมีปัญหานู่นนี่ด้วยควมแค้น นี่ยังไม่รวมพวกอีเมลลูกโซ่จากสารพัดพระครูกับโฆษณาหลอกลวงต่างๆอีกนะ ต้องคอยลบกันไม่หวาดไม่ไหวเลยมีมากันแทบทุกวัน <br /><br />เรื่องคลื่นยักษ์ถล่มสมุทรปราการ และเขื่อนศรีนครินทร์แตก ก็ยอดฮิตไม่แพ้กัน <br /><br />ไอ้พวกที่มาขอเงินเด็กป่วย นั้นก็ไม่จริง Hotmail จะเก็บตังยิ่งแล้วใหญ่ <br /><br />แล้วเรื่องนี้ก็น่าจะมีเค้าว่า ตอแหล เรื่อง british airways เหยียดผิว โดยให้ผู้หญิงผิวขาวซึ่งย้ายจากชั้นประหยัดไปนั่งชั้น first class เพราะเธอบอกว่าคนข้างๆเป็นคนผิวดำ แอร์โฮสเตทและกัปตันก็อนุญาติเป็นกรณีพิเศษ...มันเป็นอีเมลภาอังกฤษแล้วแปลเป็นไทยอีกที ....หวังว่าคงไม่ใช่อดีตลูกจากของสายการบินนี้ที่ถูกไล่ออกเพราะทำผิดเอง หรือผุ้โดยสารที่ถูกสายการบินนี้ไม่ให้ขึ้นเครื่องเพราะไอ้ตัวผู้โดยสารเองไปก่อเรื่องอาละวาด..หรือเป็นการส่งมาจากพนักงานระดับลูกกระจ๊อกของสายการบินคู่แข่ง...กลัวแต่จะเป็นอย่างงี้เอานะสิครับ เพราะผมดูรายการข่าวสารจากต่างประเทศทางช่อง true x-zyte บ่อยๆอย่างพวก inside edition ถ้าเป็นจริงป่านนี้ดังจนออกรายการนี้หรือข่าวต่างประเทศของไทยไปนานแล้วครับ...<br /><br />เรื่องดังสุดในรอบปีที่แล้วก็ ภาพสุดท้ายใน cabin โดยสารของ Airfrance เที่ยวบินที่ 447 ที่พิสูจน์แล้วว่ามาจากซีรี่ย์ฝรั่งเรื่อง Lost, แล้วก็เรื่องภัยสุภาพที่ว่า น้ำอัดลมใช้ล้างห้องน้ำได้ นี่ก็ตอแหลเช่นกัน ลองเอาไปล้างดูสิ พื้นเหนียวแน่ๆ <br /><br />พวกนี้ว่างมากหรือไงถึงได้เที่ยวชอบปล่อยข่าวพวกนี้ไปทั่วโลกออนไลน์Thailandhttp://www.blogger.com/profile/13376830479428634145noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8273883435330687915.post-79370910711861914932010-03-12T07:05:00.000-08:002010-03-12T07:06:16.936-08:00Electric Dream รายการช่อง History ที่คนที่ที่บ้านติด True Visons ควรดู<a href="http://www.bbc.co.uk/electricdreams/images/about/time-tunnel.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 446px; height: 251px;" src="http://www.bbc.co.uk/electricdreams/images/about/time-tunnel.jpg" border="0" alt="" /></a><br /><a href="http://www.bbc.co.uk/electricdreams/images/about/1980s.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 446px; height: 251px;" src="http://www.bbc.co.uk/electricdreams/images/about/1980s.jpg" border="0" alt="" /></a><br /><a href="http://www.bbc.co.uk/electricdreams/images/about/1990s.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 446px; height: 251px;" src="http://www.bbc.co.uk/electricdreams/images/about/1990s.jpg" border="0" alt="" /></a><br /><a href="http://www.bbc.co.uk/electricdreams/images/about/1970s.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 446px; height: 251px;" src="http://www.bbc.co.uk/electricdreams/images/about/1970s.jpg" border="0" alt="" /></a><br /><a href="http://www.bbc.co.uk/electricdreams/images/about/sullivan-barnes-family.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 446px; height: 251px;" src="http://www.bbc.co.uk/electricdreams/images/about/sullivan-barnes-family.jpg" border="0" alt="" /></a><br /><a href="http://www.bbc.co.uk/electricdreams/images/about/children-gaming.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 206px; height: 116px;" src="http://www.bbc.co.uk/electricdreams/images/about/children-gaming.jpg" border="0" alt="" /></a><br /><a href="http://www.bbc.co.uk/electricdreams/images/about/steffi.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 206px; height: 116px;" src="http://www.bbc.co.uk/electricdreams/images/about/steffi.jpg" border="0" alt="" /></a><br /><a href="http://www.bbc.co.uk/electricdreams/images/about/jude.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 206px; height: 116px;" src="http://www.bbc.co.uk/electricdreams/images/about/jude.jpg" border="0" alt="" /></a><br /><a href="http://www.bbc.co.uk/electricdreams/images/about/georgie.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 206px; height: 116px;" src="http://www.bbc.co.uk/electricdreams/images/about/georgie.jpg" border="0" alt="" /></a><br /><a href="http://www.bbc.co.uk/electricdreams/images/about/adam.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 206px; height: 116px;" src="http://www.bbc.co.uk/electricdreams/images/about/adam.jpg" border="0" alt="" /></a><br />Electric Dream เป็นซี่รี่ย์รายการโทรทัศน์แนว reality show ของทางสถานีโทรทัศน์ BBC ของอังกฤษ ร่วมกับ Open University เริ่มออกอากาศที่อังกฤษเมื่อเดือนกันยายน 2009 แต่เพิ่งเข้ามาฉายในไทยเมื่อ มกราคม 2010 ตอนนี้เอาฉาย re-run อีกครั้ง เวลา 23.00น. ของทุกวันพฤหัสบดี<br /><br />โดยอาสาสมัครคือ ครอบครัวยุคใหม่แห่งปี 2009 ประกอบด้วย พ่อ แม่ และลูกๆอีก4คน ที่ใช้ชีวิตแบบคนยุคใหม่ทั่วไป ที่มีคอมพิวเตอร์พร้อมอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง โทรศัพท์มือถือ ดูโทรทัศน์จากรายการผ่านดาวเทียม ฟังเพลงด้วย iPod อยู่ในบ้านแบบห้องชุดที่เต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ที่ทันสมัย<br /><br />พวกเขาทั้งหมดจะต้องย้อนกลับไปจำลองการใช้ชีวิตในช่วงยุค 70s, 80s, 90s โดยวัตถุประสงค์ของรายการนี้คือการศึกษาเรื่องผลกระทบต่อครอบครัวจากการเปลี่ยแปลงทางเทคโนโลยี ในหลายๆด้านอย่างในเรื่องของมุมมองทางความคิดและการปฎิสัมพันทางสังคม (ที่แม้จะเป็นเรื่องของฝรั่งมังค่า แต่ผมว่าก็น่าจะใช้เป็นบรรทัดฐานเทียบกับสังคมไทยหรือในประเทศอื่นๆได้) เวลา1วันที่ผ่านไป เท่ากับ1ปีในแต่ละยุค โดยทั้งครอบครัวนี้ จะต้องตัดขาดจากเทคโนโลยีที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน โดยมีใช้ได้แค่เทคโนโลยีตามยุคสมัยของช่วงนั้น (เช่น เครื่องเล่นวีดีโอ ในปี 1981 และ home computer ในปี 1983) แม้แต่สไตลืการตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้า รวมถึงรถยนต์ ก็ถูกเปลี่ยนเป็นของยุคนั้นด้วย <br /><br />แต่ไม่ได้เหมือนกับรายการ reality ทั่วไป ทุกคนในครอบครัวยังคงปฎิบัติหน้าที่ตามปกติ พ่อไปทำงาน เด็กๆไปโรงเรียน มีเพื่อนๆมาเยี่ยม รวมถึง dinner parties<br /><br />โดยมีทีมงานทางเทคนิคคอยช่วยในการจัดหาเทคโนโลยีแนว retro ตามแต่ละยุคสมัยและทำให้มันใช้งานได้ และส่งมันให้กับครอบครัวนี้ตามแต่ละช่วงเวลาของปี ประกอบด้วย Gia Milinoxich นักเขียนด้านเทคโนโลยีและมีประสบการณ์ด้านคอมพิวเตอร์มายาวนาน, Tom Wrigglesworth นักแสดงตลกและผู้หลงใหลในเทคโนโลยี เกี่ยวกับอุปกรณ์ด้านการสื่อสารและ audi-visual , และ Dr.Ben Highmore นักสังคมวิทยาผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีภายในบ้าน 3คนผู้เป็นเสมือน call center ของครอบครัวนี้ตลอดช่วงรายการ เมื่อยามที่ครอบครัวนี้สงสัยเรื่องใด หรืออุปกรณไฟฟ้าสักชิ้นเกิดเสียขึ้นมา<br /><br />และในแต่ละยุค พวกเขาจะต้องทำสิ่งเป็นเสมือน quest ก่อนจบยุค ในลักษณะของการจัดปาร์ตี้แล้วชวนเพื่อนบ้านมาร่วม โดยเป็นปาร์ตี้ที่แสดงถึงเทคโนโลยีต่างๆในยุคนั้นที่พกวเขาได้สัมผัสในรายการ อย่างตอนช่วงยุค 70s ก็ต้องใช้กล้อง 35มม. ทำภาพสไลด์ฉายให้เพื่อนที่มาร่วมปาร์ตี้ดู พร้อมทั้งทำอัลบั้มรวมเพลงจากเครื่อง music center ในยุค80 ก็ได้ทำมิวสิควีดีดอสไตล์ home made ด้วยกล้องวีดีโอขนาดเทอะทะ ใส่เพลงประกอบด้วยเพลงป๊อบในยุคนั้นกับบบรเลงเพลงจาก keyboard และในยุค 90s ก็ได้จัด millennium party จำลองปาร์ตี้ปีใหม่ตอนช่วงเข้าปี 2000<br /><br />ระหว่างช่วงเวลาในแต่ละยุคสมัยยั้น รายการโทรทัศน์ที่ดู ก็เป็นรายการของยุคสมัยเวลานั้นด้วย รวมถึงรายการข่าวและเหตุการณ์ต่างๆ เช่น การประท้วงหยุดงานและตัดไฟฟ้าในช่วงยุค 70s เหมือนเป้นการได้เรียนประวัติศาสตร์ของบ้านเมืองเขาไปในตัว หรือแม้แต่ตอนยุค 90s ที่ทางเทคนิคต่อ internet มาให้ครอบครังนี้ได้ใช้ ก็ปรับความเร็วให้มันช้าลงเท่ากับของในยุคสมัยนั้น รวมถึงเว็บไซต์ที่มีให้เข้าใช้ได้ ก็เป็นของยุคนั้นด้วย<br /><br />ผมได้ดูรายการนี้ตั้งแต่ตอนมันมาฉายครั้งแรกแล้ว แต่ดูอีกก็ยังสนุกอยู่ สิ่งที่ผมชอบรายการนี้ก็คือ นอกจากได้เห็นเทคโนโลยีแนว retro แล้ว ยังได้เห็นถึงสิ่งที่ทางรายการนำเสนออย่างแท้จริง คือผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีต่อคนในครอบครัว จากคำพูดของพ่อแม่และลูกๆที่รู้สึกต่อสิ่งที่ผ่านเข้ามาในแต่ละวัน อย่างเช่น<br /><br />ตอนช่วงเริ่มรายการ Georgie ผู้เป็นแม่ พุดออกมาว่า “ฉันว่ามันเป้นสิ่งที่ดีในยุค 70s ที่ทุกคนมาทานอาหารร่วมกัน ทำกิจกรรมต่างๆร่วมกัน ดูโทรทัศน์ร่วมกันที่ห้องรับแขก มากกว่าแต่ก่อน”<br /><br />ตอนช่วงยุค 70s ทุกคนในครอบครัวได้รับจักรยานทรงช็อปเปอร์จากทีมเทคนิค Hamish หนึ่งในลูกทั้ง4ของครอบครัวได้ขี่จักรยานออกไปในเมืองโดยไม่ขออนุญาตและกลับบ้านมาตอน 19.30น. เลยโดนผุ้เป้นแม่ลงโทษให้อยุ่แต่ในห้องไม่ให้กินอาหารเย็น หนึ่งในประโยคของผู้เป็นแม่ที่ผมจำได้คือ “ถ้าเป็นปี 2009 ฉันคงไม่ลงโทษลูกด้วยการไล่เขาขึ้นไปบนห้องแน่ๆเพราะบนนั้นเขามีทั้งคอมพิวเตอร์ วีดีโอเกม โทรทัศน์”<br /><br />ตอนช่วงยุค 90s ที่ทีมเทคนิคส่ง จานดาวเทียมพร้อมเครื่องรับสัญญาณมาให้ หนึ่งในคำพูดของผู้เป็นแม่ที่พูดออกมาคือ “ไม่รู้สินะ ฉันว่าการติดมันไว้หน้าบ้าน มันเหมือนกับสัญลักษณ์ที่บอกให้คนผ่านไปผ่านมารู้ว่า ฉันเป้นพวกติดทีวีขนาดหนัก” เป็นทัศนิคติอีกมุมมองต่อจานดาวเทียมที่แปลกมาก<br /><br />และเหตุผลที่ทำไมผมถึงเอามาแนะนำว่า ทำไมทุกคนในที่นี้ ที่ที่บ้านติด True Visions น่าจะกดไปดู แน่นอนครับว่า ถ้ามันมีเครื่องใช้ไฟฟ้าแนว retro อย่างเครื่องเล่นจานเสียง โทรทัศน์ขาวดำ คอมพิวเตอร์ laptop ยุคบุกเบิก อยู่ด้วยแล้ว เครื่องเล่นวีดีโอเกมยุคเก่า ก็ต้องมีมาให้เห็นด้วยเช่นกัน มีมาเยอะเลยครับ เครื่อง Pong ก็มี home computer ยุคเก่าๆก็เช่นกัน<br /><br />และนับถือทีมเทคนิคของรายการนี้จริงๆครับ ทั้งเรื่องการหาข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ การหาสำเนารายการโทรทัศน์ของแต่ละสมัยมาฉายให้ครอบครัวนี้ดูทางทีวีตลอดช่วงรายการทั้ง 3 ตอน การตกแต่งบ้านให้เข้ากับแต่ละยุคซึ่งก็เป็นงานขนานใหญ่ อย่างในช่วงยุค70s ที่บ้านในอังกฤษส่วนใหญ่ยังไม่มีเครื่องทำความร้อนแบบท่อ ไม่มีห้องแบบห้องชุด (พวกห้องนอนใหญ่ที่มีห้องน้ำในตัว) หรือครัวกว้างๆ ก็ต้องจัดการปิดระบบทำความร้อนทั้งบ้าน กั้นห้องครัวให้เล็กลง และกั้นประตูห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ของพ่อแม่ ไหนจะ wall pares ทั้งบ้านอีก<br /><br />เป็นรายการที่ดีครับ ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ด้านเทคโนโลยีภายในบ้าน ผลกระทบต่อครอบครัวจากการเข้ามาของเทคโนโลยีในแต่ละยุคสมัย ในเห็นเครื่องใช้ไฟฟ้าแนว retro ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน หลายๆอย่างที่เป็นแง่ความรู้ ก้เอามาใช้เทียบเคียงกับสังคมไทยได้โดยตรง และดุแล้วก็นึกถึงสิ่งที่ผ่านมาในชีวิตเราเมื่อครั้งก่อน อย่างในตอนของยุค90s นี่โดนใจอย่างแรง การมาถึงของโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เพจเจอร์ และโทรศัพท์มือถือ ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจ คอมพิวเตอร์ที่ราคาถูกลงและมีใช้กันแทบทุกบ้าน การมาถึงของอินเตอร์เน็ต การเริ่มต้น text massage และเครื่องเล่น mp3 ในช่วงตอนปลายของยุค เหมือนชีวิตของพวกเราทุกคนเป๊ะเลยนะ<br /><br />อันนี้ก็ link ของรายการนี้ครับ เป็นเว็บไซต์ของทาง BBC<br /><br />www.bbc.co.uk/electricdreams/about.shtml<br /><br />และมีคลิปรายการนี้ให้ดูด้วยเช่นกันใน Youtube ไป search หากันเองนะครับ<br /><br />เกือบลืม มี time-tunnel อันเป็นหนึ่งในลุกเล่นของเว็บไซต์ให้เข้าไปดูประวัติศาสตร์พร้อมกับเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของเทคโนโลยีในแตละยุคสมัย พร้อมส่วนแสดงความคิดเห้น มี wall paper ให้ดหลดกันด้วยThailandhttp://www.blogger.com/profile/13376830479428634145noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8273883435330687915.post-52117187686872687482010-02-24T06:56:00.000-08:002010-02-24T06:58:22.341-08:00เหตุผลที่ผมชอบ น้าเน็ก มากกว่าดาราไทยคนไหน<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi4v_E5F0TgOIUckZO6M0bGbRKrWT-7M7G2BoEEOa8ScVk8yn7RvlYNfVNNcPZClL9wiFgCe1qotW8KSHlX4wSHj86srMFUcZHaZRTdcjDeIqPRHPkSJQFVB2kcur-QhXzsj1xqC0FpCqvq/s1600-h/img_400_img-908.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 320px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi4v_E5F0TgOIUckZO6M0bGbRKrWT-7M7G2BoEEOa8ScVk8yn7RvlYNfVNNcPZClL9wiFgCe1qotW8KSHlX4wSHj86srMFUcZHaZRTdcjDeIqPRHPkSJQFVB2kcur-QhXzsj1xqC0FpCqvq/s400/img_400_img-908.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5441824300598775010" /></a><br /><br /><br />ก่อนที่จะอ่านต่อ ก็ต้องขออภัยด้วยครับ ที่ถ้อยคำต่อจากนี้จะดูออกแนว fanboy หรืออกแนวอารมณืส่วนตัว และอาจจะทำให้แฟนคลับของ “นักพูดขวัญใจวัยรุ่น” คนหนึ่ง อยากจะเอารองเท้าหรือก้อนหินเขวี้ยงใส่ผมก็ตาม<br /><br />หลายคนอาจจะไม่ชอบคำพูดของเขา อาจจะมองว่าแต่งตัวและทำผมดูบ้าบอ แต่จุดที่ทำให้ผมชอบเขาคือ<br /><br />1.ไม่ดูถูกศาสตร์หรือองค์ความรู้ของผู้อื่น <br /> ใน the naked show ชุดแรก มีอยู่จุดหนึ่งที่เขาเล่าว่าได้ไปลองหัดทำโยคะฟรี และเขาสงสัยตรงที่ว่าทำไมคนสอนต้องบอกให้ หายใจเข้า หายใจออก ด้วย บอกท่าเฉยๆแบบแอโรบิคไม่ได้หรือ คนสอนก็ตอบกลับมาว่า<br />“คนเราเดี๋ยวนี้หายใจกันผิดวิธี ตามหลักแล้วต้องมีการกำหนดลมหายใจ”<br />น้าเน็กคิดในใจ “ทำไม กรูหายใจผิดตรงไหนฟระ เกิดมากรูไม่เคยหายใจทางตรูดเลย”<br />แต่เขาก็สัมทับก่อนเล่าต่อว่า “โอเคครับ มันเป็นศาสตร์ของเขา อย่าทำตัวปิดกั้น”<br /><br />อีกช่วงหนึ่งในทอล์คโชว์ชุดเดียวกัน เขาเล่าเรื่องตอนสมัยเข้ามาทำงาน grammy ใหม่ๆ แล้วต้องเช่าพื้นที่ปั๊มน้ำมันแถวนั้นเพื่อเปิดล้างรถกับขายอาหารตามสั่ง เขาก็เล่าเรื่องที่มีรถซิ่งโหลดต่ำเข้ามาใช้บริการ ให้นึกถึงรถประเภท “ใส่ชุดแต่งรอบคัน ดังแต่ท่อ ล้อไม่วิ่ง” หรือ “เก่าขนาดนี้ เอาไปปลูกสระแหน่เถอะ ยังจะแต่งซิ่งอีก” เอาไว้นะครับ<br />“มีรถโต้โยต้าแปะยิ้มคันหนึ่งขับเข้ามา แต่งซิ่งวัยรุ่นมากๆ..เปิดเครื่องเสียงดังลั่นเหมือนรถขายเทป บ้านมันต้องหูหนวกแน่ๆ ด้านท้ายมีไอ้เงิบๆอันหนึ่ง เขาเรียกสปอยเลอร์ ไม่รู้จะแปะไว้ทำหอกอะไร ไม่ได้ช่วยให้รถเร็วขึ้นเลย ดูไกลๆเหมือนรถที่เข็นขายผลไม้ด้วยซ้ำ…รถก็โคตรเก่า โหลดล้อแบะๆ ให้มันขับยาก ข้อดีอย่างเดียวคือ ช่วยย่อย” แล้วก้ทำท่านั่งขยอกเขย่าตัวไปเพื่อประกอบการเล่า<br /> แต่เขาก็ยังสัมทับก่อนเล่าต่อว่า “โอเค ลูกค้าคือพระเจ้า แม้หมั่นไส้ เราไม่ว่า”<br /><br />2.ถ้าคุณเจอในสถานการณ์เดียวกับที่น้าเน็กเจอ เชื่อเถอะ ก็คงรู้สึกอย่างเดียวกัน<br />ในทอล์คโชว์ชุดเดียวกันนั้น เจาได้พูดถึงกลุ่มคนที่เขาเรียกว่า “มนุษย์เด็ปชีวิต” ที่เล่าถึงบรรดาคนที่เข้ามาในชีวิตเขาในลักษณะ กวนteen จนถึงแนวหลอกลวงที่เข้าขั้นต้มตุ๋นฉ้อโกง ให้ลองที่หาทอล์คโชว์ของเขาหรือนักสือที่เล่าการแสดงทอล์คโชว์ชุดนี้ของเขามาอ่าน แล้วคุณจะเข้าใจ เป็นผมถ้าเจอแบบนั้น ก็อารมณ์เสียเช่นกัน<br /> และในทอล์คโชว์ชุดที่ 2 ที่ชื่อ เล่นกับน้า น้าเลียปาก อยู่ๆก้มีเสียงเด็กขัดจังหวะการแสดงโดยที่พ่อแม่ไม่คิดจะควบคุม กับ มีคนคุยโทรศัพท์มือถือเสียงดังขณะเขาทำการแสดง แล้วเขาก็ทำการระบายกับต้นไม้ประกอบฉาก จนสร้างความขำแก่คนดู<br /> ผมเชื่อว่า เวลาคุณพูดอะไรด้วยความตั้งใจให้คนหมู่มากฟัง แล้วมีคนทำพฤติกรรมที่เป็นการรบกวนแทรกการพูดนั้นขึ้นมา โดยเป็นพฤติกรรมที่คนคนนั้นสามารถควบคุมหรือเลี่ยงได้ คุณคงต้องอารมณ์เสียแน่ๆ<br /> เอาเด็กมาดูการแสดง ก็รู้จักดูแลหน่อย ถ้างั้นก็ไม่ต้องพามา แล้วโทรศัพท์มือถือเนี่ย มันใช่ของที่ควรเอามาใช้พูดคุยกันเมื่อชมการแสดงเหรอครับ เขายิ่งรณรงค์กันด้วย <br /><br />3.แซวเรื่องผู้หญิงอย่างพองาม คนที่เอามาแซวเอามาค่อนแคะก็เป็นคนที่สมควรโดนแซว<br /><br />คนที่สมควรคนนั้นคือ ป้าเบียบ ในทอล์คโชว์ชุดที่2 ตอนที่เล่าเรื่องจากภาพคำเตือนหลังซองบุหรี่ ป้าเบียบ หนึ่งในคนที่ผมว่า ประเทศไทยและโลกนี้ ไม่จำเป็นต้องมีผู้หญิงคนนี้เลยแม้แต่น้อย สมควรโดนน้าเน็กแขวะแล้ว<br />ตอนที่แซวน้องบอลลูนกับตั๊ก บงกชในช่วงต้นของทอล์คโชว์ชุดแรก ก็ไม่ได้รุนแรงอะไรมากมาย และแซวทีเดียวก็หยุด ไม่ลากยาวต่อ<br /> กับตอนที่แซวพวกผู้หญิงเที่ยวกลางคืน ก็แซวอย่างพองาม ไม่พูดเหมือนกับว่าเห็นผู้หญิงเป็นของเล่น<br /><br />4.คำที่น้าเน็กพูด มันเป็นคำที่เราพูดเราได้ยินกันอยู่ทุกวัน<br /> สำหรับใครที่คิดว่า อะไรกัน น้าเน็กพูดอย่างงี้ได้ไง หยาบคาย แต่เท่าที่ผมฟังดูแล้ว คำพูดที่น้าเน็กเขาพูดทุกคำนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นคำที่เราใช้กันอยู่และได้ยินทุกวัน ในทุกที่ ในที่ทำงานของพวกคุณ ในสถานศึกษา ตามร้านค้า คนแถวบ้าน วินมอเตอร์ไซต์หน้าปากซอย แม้แต่ในละครหลังข่าวหรือหนังไทย ซึ่งผมว่าหนังไทยน่ะ หยาบคายยิ่งกว่าอีก ไม่รู้ว่าคนที่พูดว่าน้าเน็กนี่ เขาเป็นคนดี 100% หรือไง ผมว่าไม่หรอก<br /><br />5.ทำ one stand up comedy ได้ โดยไม่ต้องเอาเรื่องการเมืองมาเกี่ยว<br />ก็มีแค่ในทอล์คโชว์ชุดที่2 ที่พูดเรื่อง CTX แต่ก็พูดแบบขำๆ ไม่ใช่พูดแบบด่า และก็รีบพูดสั้นๆ ในช่วงที่เล่าเรื่องภาพคำเตือนซองบุหรี่<br /><br />6.ไม่มีข่าวเสียหายเรื่องผู้หญิง หรือเรื่องใดๆเลยแม้แต่น้อย<br /><br />7.แม้จะมีทอล์คโชว์แค่ 3 ชุด แต่มีรายการทีวีในฐานะพิธีกรประจำอยู่หลายรายการในหลายช่อง ดีเจก็เป็น ส่วนที่เขาไม่เล่นหนังเล่นละครนั้น เขาก็ออกมายอมรับว่าเป็นเพราะเขาเล่นแข็งไม่เหมาะกับด้านนี้ ไม่ใช่ไม่รับงานพวกนี้เพราะหยิ่งยะโสเรื่องมากใดๆทั้งสิ้น แต่เขาก็เคยผ่านงานด้านนี้มาแล้วในฐานะนักแสดง เลยรู้ว่าเขาไม่เหมาะกับงานด้านนี้<br /><br />8.เติบโตมาในตระกูลผู้ดี ตอนเขาออกมาเล่าเรื่องครอบครัวเขาผ่านรายการรายการหนึ่ง เท่าที่ผมจับใจความดูพ่อแม่เขาก็เลี้ยงเขามาดีมากๆ ทั้งในเรื่องวัตถุและการอบรมสั่งสอน เสียใจที่แทนเขาจริงๆที่เขาต้องมาเสียพ่อไปเมื่อราวๆ 2 ปีที่แล้วจากอาการเส้นเลือดฟอยในสมองแตก<br /> แถมน้าเน็กยังไม่เอาเงินไปลงทุนทำธุรกิจแบบเละเทะจนเจ๊ง เหมือนกับเขารู้จักวางแผนการใช้เงิน<br /><br />ในขณะที่ “นักทอล์คโชว์ขวัญใจวัยรุ่น” อีกคนที่อายุอานามเท่าๆกับน้าเน็ก ที่หลายคนคลั่งไคล้กันมาก ใครไปตั้งกระทู้ต่อว่าหรือวิจารณ์คนคนนี้ เป็นโดนด่าเละทุกราย ออกทอล์คโชว์มามากว่าน้าเน็กตั้ง 4 ครั้ง ยอดขาย VCD บันทึกการแสดงสดและผลงานหนังสือของเขานั้นก็คงจะเยอะมากๆ ผมว่า “นักทอล์คโชว์ขวัญใจวัยรุ่น” คนนี้ต่างหาก ที่มีข้อเสียและจุดติงที่ร้ายแรงและมากกว่าน้าเน็กหลายเท่า ด้วยเหตุผลที่ว่า<br /><br />1.พูดจาถึงศาสตร์และองค์ความรู้ในด้านอื่นๆที่ตัวเองไม่ชอบ<br /><br /> และเป็นการพูดจาที่เข้าขั้นดูถูกแบบไม่ให้เกียรติ ไม่ใช่แซว ในทอล์คโชว์ชุดล่าสุดที่ผมดูแบบผ่านๆตอนผ่านร้านขาย VCD/DVD ในห้างฯแห่งหนึ่งในขอนแก่น นายคนนี้ก็พูดจาดูถูกการเรียนลูกเสือ การเรียนรด. การเรียนคณิตศาสตร์ อย่างไม่ให้เกียรติมากๆ<br /> ผมเองก็ไม่ชอบเรียนคณิตศาสตร์หรอกครับ ตอนเรียนคณิตศาสตร์ตอนมัธยมปลายก็ติด 0 หลายที แต่ผมเชื่อว่า ถ้าอยากก้าวหน้าในชีวิต ก็จำเป็นต้องเรียนสิ่งเหล่านี้ไปดีกว่า แค่ผ่านเกณฑ์ก็ยังดี พ่อผมเป็นครูสอนวิชาคณิตศาสตร์ระดับอุดมศึกษา เคยมีนักศึกษาที่พ่อผมสอนพูดว่า เราต้องเรียนของพวกนี้ทำไม ตอนไปเดินตลาดก็ไม่เห็นต้องไปคำนวณสมการอะไรเลย พ่อผมตอบด้วยคำพูดแบบ มีดโกนอาบน้ำผึ้ง กลับไปว่า<br /> “ถ้าเธอจะใช้ชีวิตแค่เดินตลาด ก็ไม่จำเป็นต้องเรียนของพวกนี้หรอก”<br /><br />2.ยังไม่พอ ชอบไปดูถูกสิ่งที่คนบางกลุ่มเขานิยมชมชอบซะอีก<br /><br /> ไม่ใช่ในลักษณะแซว แต่มาในลักษณะด่า เหมือนกับคนพวกนั้นไปเอาอะไรขว้างใส่ศีรษะของนักพูดคนนี้ซะงั้น เขาดูถูกแหลกเลยครับ ทั้งพวกแก๊งค์ฮาเลย์ พวกชอบรถซิ่งโหลดต่ำ พวกชอบแต่งตัวฮิปฮอป พวกคนรวยที่ชอบทำบ้านแบบปล่องไฟ ผมเองก็ไม่ได้ชอบหรือคลั่งไคล้สิ่งเหล่านี้หรอกครับ แต่ผมว่ามันเป็นสิทธิของเขาครับ ตราบใดที่คนพวกนั้นไม่ได้เอาเงินเราไปทำ ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร ไม่ได้มาเต้นฮิปฮอปหรือซิ่งรถหน้าบ้านเรา ก็ช่างเขาเถอะครับ พวกชอบแต่งรถยนต์และกลุ่มคนชอบฮาเลย์เขาก็รวมตัวเพื่อทำประโยชน์แก่สังคมออกบ่อย ส่วนพวกบ้านคนรวยที่ชอบทำเตาผิงในบ้าน ก็เรื่องของเขาสิครับ ผมเองก็ชอบบ้านแบบนี้<br /> แต่แปลก ทีนักพูดขวัญใจวัยรุ่นคนนี้ ไม่เคยพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องประหยัดน้ำมันหรือด่าแซวพวกขับรถSUVยกสูงที่แต่งแบบไร้สาระ ก็แหงหล่ะครับ นายนักพูดคนนี้ เป็นเจ้าของรถ SUV เครื่อง V8 ถึง3คัน เป็นรุ่นที่ค่อนข้างนิยมในไทยพอสมควร และรถเหล่านี้มีอัตราการกินน้ำมันที่มหาศาล แหงหล่ะ ขืนพูดก็เข้าตัวเองสิ<br /> ดูที่น้าเน็กพูดถึงพวกรถซิ่งโหลดต่ำสิ เขายังพูดได้สุภาพกว่าที่ นักพูดคนนี้พูดไว้ในทอล์คโชว์ชุดที่5 ของเขาเยอะ<br /><br /> ถ้ามีคนมาพูดดูถูกพูดว่าเกมเก่าในลักษณะเดียวกันนี่ ผมว่าพวกคุณก็ต้องไม่ชอบเหมือนกันหล่ะ<br /><br />3.ชอบมีข่าวนุ่นนี่ออกแนวแง่ลบกับผู้หญิงในวงการบันเทิงตั้งหลายคน หนึ่งในนั้นก็เป็น อดีตนางงามที่พูดถึงชื่อเธอ จะต้องนึกถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าญี่ปุ่นยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งเธอเองก็เคยเป็นพรีเซ็นเตอร์ด้วย แม่ผมเองยังไม่ชอบนักพูดคนนี้ในจุดนี้เลยครับ เหมือนเขาทำเพื่อประชดชีวิตยังไงยังงั้น<br /><br />4.พูดถึงผู้หญิงในเชิงค่อนข้างจะดูถูกหรือแซวจนเกินงาม โดยเฉพาะในแนวเรื่องเพศและรูปลักษณ์(โดยเฉพาะหน้าอก) ดารานักร้องหญิงหลายคนก็โดน กับคำพูดในเชิง sexual harasment นักเทนนิสชาวไทยอย่างภารดรยังไม่เว้น<br /><br />5.เล่นเรื่องการเมืองจนเกินไป ในลักษณะชวนให้เกิดประเด็นแตกแยก ยิ่งในชุดล่าสุดนี่ ชัดเจนมากๆ เรื่องการเมืองผว่าให้เป็นหน้าที่ของช่องข่าวเถอะครับ<br /><br /> ตอนที่ผมได้ฟังเขาพูดเกี่ยวกับรถไฟลอยฟ้าในทอล์คโชว์ชุดที่5นั้น ซึ่งสมัยนั้นรถไฟลอยฟ้ายังเป็นของใหม่อยู่ ผมไม่รู้ว่าเขาทำแบบที่เขาเล่าจริงหรือเปล่า แต่ถ้าทำ ถือว่าแย่มากๆ สถานที่เขาก็มีกฎระเบียบกำหนดไว้เพื่อความปลอดภัยและความสะดวกของส่วนรวม แถมยังมีคำพูดการแสดงที่เหมือนกับเป็นการดูถูกคนอีสานอีก แถมในทอล์คโชว์ชุด6 เขาก็เอาคำว่า เสี่ยว มาใช้ในความหมายที่ผิดด้วย<br /> ตอนที่เขาเล่าเรื่องครอบครัวเขา โดยเฉพาะแม่ ที่วนเวียนอยู่แต่กับวงไพ่และหวย แหม มันช่างเป็นสังคมที่น่าให้ลูกหลานเข้าไปสัมผัสและเติบโตซะเหลือเกินนะครับ ในขณะที่น้าเน็กเองเขาไม่เล่าเรื่องพวกนี้เลย ตอนที่เขาเล่าเรื่องครอบครัวเขาก็ไม่มีเรื่องพวกนี้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย<br /> ถึงแม้จะมีทอล์คโชว์เยอะกว่า และเป็นที่นิยมมากกว่า แต่ดูผลงานอย่างอื่นสิ แทบไม่มี ไม่มีงานพิธีกร หนังสือที่เขียนก็ไม่ได้ best-selling อะไรมากนัก (และก็คงแซงหน้าหนังสือน้าเน็กไม่เท่าไหร่) ทำธุรกิจอะไรก็เจ๊งเพราะขาดความชำนาญ ตอนนี้นักพูดคนนี้แทบไม่ได้โผล่มาบนจอทีวีเลย แม้จะมีหนังเล่นในบทเด่นๆมากกว่าน้าเน็กก็ตามเมื่อ 3-4ปีที่แล้ว<br /><br /> ผมองก็ยอมรับว่า โอเค คุณเก่งในเรื่องงานที่คุณถนัด หนังเรื่องที่เกี่ยวกับรถเมล์ที่คุณเล่นก็ดูดี (ดีตรงที่มีเนื้อหาเสียดสีแดกดันพวกเล่นสงกรานต์บางจำพวก) นักพูดคนนี้ก็เคยทำงานร่วมกับน้าเน็กและมีส่วนผลักดันให้ the naked show เกิดขึ้นได้ แต่ก็ยังรู้สึกเสียดายเงินที่ซื้อ VCD ของนักพูดคนนี้มาดูเมื่อมาคิดย้อนหลัง (แต่อย่างน้อยก็ซื้อแผ่นแท้นะครับ)<br /><br /> ผมว่าผมให้หลานๆน้องๆผม ดูทอล์คโชว์ของน้าเน็ก ยังดีกว่าอีกครับ แม้น้าเน็กจะดู hardcore ในบางจุด แต่ใครที่จะไปดูทอล์คโชว์น้าเขา ก็น่าจะรู้นี่หน่าว่าจะออกมาในแนวไหน ผมเองก็ไม่ได้เก่งกาจอะไร ไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงหรือวงการนักพูด ให้ไปทำการแสดงหรือเขียนหนังสือแบบน้าเน็กหรือนักพูดคนนั้นก็คงทำไม่ได้เพราะผมไม่ได้เรียนด้านนี้ แต่ก็เป็นสิทธ์พื้นฐานในการวิจารณ์อย่างมีขอบเขต ถ้าจะบอกว่า แล้วผมทำได้แบบนักพูดคนนั้นหรือเปล่าหล่ะ…คุณครับ ไม่จำเป็นต้องทำอาหารเป็นหรือเรียนคหกรรม ก็บอกได้ว่าอาหรจานนี้อร่อยหรือไม่อร่อยใช่มั๊ยครับ ถ้าจะเอาเกณฑ์แค่ว่า ทำได้อย่างเขาหรือเปล่าถึงไปวิจารณ์เขาแบบนั้นน่ะ งั้นต่อไปพวกเราก็อย่าวิจารณ์เรื่องการเมืองนะครับ รวมถึงวิจารณ์บริษัทผลิตเครื่องเกมหรือตัวเกมด้วย<br /><br />และก็อย่างว่า ต่างคนก็ต่างชอบ ผมชอบน้าเน็ก พวกวัยรุ่นยุคใหม่ก็ชอบนักพูดคนนั้น นาย A ชอบ Nintendo นาย B ชอบ SEGA ขนาดคนในครอบครัวเดียวกันยังชอบกันคนละอย่างกันเลย แต่ดูเหมือนว่าเดี๋ยวนี้ การวิจารณ์อย่างมีวิจารณญาณและขอบเขตความพอดีนั้น ดูท่าจะเลื่อนหายไปจากนักท่องเน็ตหลายคนเสียแล้ว<br /><br /> เหมือนกับพวกแฟนบ่อยของค่ายเกมหรือระบบปฎิบัติการณ์ของเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่ชอบวิพากย์วิจารณ์ค่ายคุ่แข่งอย่างไม่ลืมหูลืมตาและไม่มีขอบเขต รวมถึงไม่มีมารยาท ราวกับว่าค่ายที่ตัวเองเชียร์อยุ่จะมอบเครื่องเกมหรือซอร์ฟแวร์ให้ฟรีๆอย่างงั้นแหล่ะ<br /><br /> ปล.ผมเคยเจอน้าเน็กตัวจริงๆมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกในงานวัดดวงสัญจรที่ Isuzu ร้อยเอ็ด เมื่อปี 2005ได้ถ่ายรูปกับขอลายเซ็นต์ด้วย ครั้งที่ 2 ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อปี 2006 เขามาเหมือนกับมาโชว์ตัวเพื่อโปรโมททอล์คโชว์ชุดที่3กับมีเล่นเกมวัดดวงเล็กๆ แล้วเก็บเอาภาพไปทำเหมือนสกู๊ปพิเศษใส่ใน VCD บันทึกการแสดงชุดที่3 ผมยังไปร่วมเล่นเกมด้วยเลย ได้เครื่องดื่มชูกำลังมาราวๆ2โหลใส่ในกล่องกระดาษทั้งใหญ่และหนักมาก ท้ายสุดผมเอาไปขายต่อให้ร้านขายของชำแถวหอพัก น้าเน็กเขาก็เป็นกันเองกับแฟนๆ ไม่ถือตัวอะไรมากด้วยครับ<br /><br /> http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B9%87%E0%B8%81Thailandhttp://www.blogger.com/profile/13376830479428634145noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8273883435330687915.post-6821922987142655872009-12-17T08:15:00.001-08:002009-12-17T08:18:56.432-08:00Recylce ช่วยโลกได้จริงหรือ-บทความจาก nunsina.exteenเห็นว่าน่าสนใจ และเป็นเรื่องที่เราอาจจะมองข้ามไป ขออนุญาติเอามาลงทั้งดุ้นเลยนะครับ<br /><br />-------------------------------------------------------------------------------<br />รายการหนึ่งทาง True ที่ผมชอบดู คือ Bull Shit : Pen & Teller รายการนี้เป็นนำเสนอ เนื้อหาที่เป็นเรื่องทั่วๆไปที่มีขึ้นบนโลกใบนี้ และเป็นสิ่งที่แพร่หลายไปทั้งโลกด้วย เอามานำเสนอในอีกมุมมองหนึ่งที่ต่างออกไป ไม่ใช่นำเสนอแต่ในแง่ที่ดี (มันเป็นเรื่องปรกติที่พยายามนำเสนอแต่เรื่องดีๆอยู่แล้ว) ความยาว 25 นาที/ตอน โดยประมาณ <br /><br />จากตรงนี้ไปอ่านอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งนะครับ<br />อย่างเช่นองค์กรพิทักษ์สัตว์(PETA) ที่พยายามปกป้องสัตว์ที่ถูกทำการทดลองจากมนุษย์ และเป็นที่มีสมาชิกทั่วโลก กว่า 1แสนคนเลย รายการก็จะเสนอในแง่ความจริงในแนวคิดบ้าๆ (งงไหมเนี่ย) อย่างเช่นการช่วยบุกช่วยเหลือสัตว์ต่างๆจากห้องทดลอง ทำลายตึกห้องทดลองต่างๆ เพราะเห็นว่าเป็นการทารุณกรรมสัตว์ แล้วสัตว์ที่ ที่พวกนั้นช่วยเหลือออกมา พวกเขาเอาไปเลี้ยงมั้ย คำตอบก็คือ "ไม่" ก็ส่งให้เทศบาลเอาไปดูแลสัตว์ เทศบาลก็ไม่มีเงินดูแลสัตว์เพราะต้องใช้เงินต่อเดือนจำนวนมากเป็นค่าอาหาร ก็แบกรับค่าใช้จ่ายจากสัตว์ที่พวกนี้โยนมาให้ไม่ไหว เลยต้องฉีดยาให้สัตว์พวกนี้ตายเดือนละเป็นร้อยตัว แล้วเจ้าพวกองค์กรพิทักษ์สัตว์นี้ก็มาประท้วงเทศบาลต่อ หาว่าฆ่าสัตว์ที่ไม่มีความผิดอีก(แล้วทำไมพวกนายไม่เอาเลี้ยงล่ะ)<br /> สำนักงานใหญ่องค์กรพิทักษ์สัตว์นี้ ทั้งที่เป็นองค์กรประเภทNGO(ไม่แสวงหากำไร) แต่เป็นตึกมูลค่า ร้อยล้านดอลล่า ตั้งอยู่ริมน้ำที่สวยงาม(เอ...เอาเงินที่ไหนมาสร้างนะ) และที่ผมฮาสุดๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้หญิงที่มีตำแหน่งใหญ่ที่สุดในองค์กร ก็ป่วยเป็นโรคร้ายอย่างหนึ่งที่ ต้องใช้ยารักษาที่สร้างมาจากห้องทดลองที่ค้นคว้าจากห้องทดลองที่ทดลองจากสัตว์ที่พวกเขาพิทักษ์นั่นแหล่ะ แล้วรู้ไหมว่า พอมีคนถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้นำคนนี้ก็ตอบออกมาแนวๆว่า "ฉันต้องรักษาชีวิตของฉันเพื่อจะได้มาช่วยสัตว์ที่น่าสงสาร เหล่านั้นไง" .............. <br /> ออกนอกเรื่องไปไกลมาก...... กลับมาๆ เรื่องRecycle ตอนหนึ่งรายการ Bull Shit นี้ก็นำเสนอเกี่ยวกับเรื่อง Recycle ผมไม่ได้อัดไว้ ไม่ได้ดูซ้ำ และไม่ได้จด เนื้อหาจึงอาจจะไม่ละเอียดนักเรื่องตัวเลข เพราะมาจากการจำในการดูครั้งเดียวเท่านั้น -*-....<br /> ประมาณ ปี1970กว่าๆ USA ได้กำหนด สิ่งต้องทำเป็นวาระแห่งชาติ(จำภาษาอังกฤษไม่ได้) หนึ่งในเรื่องนั้นคือ "Recycle" โดยผู้กำหนดแนวคิดในตอนนั้นชื่อ Jay Winston Potter.......<br />ของหลักๆที่เรา Recycle มีอะไรมั่ง ก็กระดาษ ขวดพลาสติก กระป๋องอลูมิเนี่ยม ใช่ไหมครับ อาจจะมีมากกว่านี้ แต่นี่คือพวกหลักๆ แต่เชื่อไหมว่าค่าใช้จ่ายในกระบวนการ Recycle กระดาษกับพลาสติก กลับแพงกว่าผลิตใหม่ เกือบ 3เท่าแถมยังได้คุณภาพไม่ดี โดยเฉพาะ พลาสติกที่รีไซเคิลแล้วเอามาทำใหม่ก็เอาทำได้แต่ของคุณภาพไม่ดีของที่ไม่ค่อยมีคนใช้ กระดาษก็เห็นๆกันอยู่ หนังสือพิมพ์นั่นไง หรือหนังสือการ์ตูนรายสัปดาห์ของ Japan เล่มละ 2-300 บาท นั่นไงว่าคุณภาพมันดีขนยาดไหน....... ส่วนกระป๋องน้ำต่างๆที่สามารถเอามา Recycle ได้นั้น ค่าใช้จ่ายในการ Recycle ถูกกว่าผลิตใหม่ราวๆ40%เท่านั้น<br /> เรามาลองนึกดูถึงข้อดีที่เราได้จากการ Recycle กันบ้าง <br /><br />Good Enviroment - คนเรามักคิดว่า การ Recycle ดีต่อสิ่งแวดล้อม ขยะไม่ไปทำลายสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ แต่จริงๆแล้ว การเผาทำลายขยะ ก็เกิดอากาศเสียจากการเผา หรือการ Recycleสิ่งของต่างๆ ก็ต้องแยกของที่ใช้ไม้ได้เช่นพวกหมึกจากกระดาษ สารเคมีต่างๆ ออกจากสิ่งที่นำมาใช้ใหม่ได้ แล้วของที่ไม่ต้องการเหล่านั้นมันหายไปไหนล่ะ ..... เนื่องจากมันเป็นขยะเคมีที่มันอันตรายมากก็ต้องจ้างๆพวกบริษัทที่รับจำกัดพวกนี้ ไปแอบฝังตามที่ต่างๆที่เราไม่มีวันรู้อีกต่างหาก(สิ่งที่เอามาสร้างบ้าน สร้างถนนที่เราอยู่นี้ ก็อาจจะมีการปนเปื้อนสารเหล่านี้อยู่ก็ได้ ตามที่มีสารคดี การฟ้องการทิ้งสารเคมีอันตรายอย่างผิดกฏหมายทั่วๆไป ......... <br />) ถ้าไม่เผาไม่ Recycle จะให้ทำยังไง อ้อขุดหลุมฝัง มันก็ไปเป็นการทำลาย สิ่งแวดล้อมไม่ใช่หรือ แถมยังส่งกลิ่นเหม็น สร้างความเดือดร้อนให้ เรื่องนี้ ผมขอโยงไปหัวข้อ Save Enegy ครับ <br /><br />Save Enegy - Recycle มันประหยัดพลังงานยังไง เอ๊ะ ถ้าลองคิดดูดีๆ ก็จะนึกได้ว่ามัน....ต้องใช้ น้ำมันเพิ่มจากรถขนขยะปรกติ ก็ต้องเพิ่มรถขนขยะ Recycle จะกระดาษจะอะไรก็เถอะ จริงไหม..... แถม... ถ้าเผาขยะ ก็ต้องใช้เชื้อเพลิงอีก ส่วนพลังไฟฟ้าที่โรงงาน Recycleตามกระบวนการต่างๆใช้ 1เดือนนั้น ก็เพียงพอที่จะใช้ตามเมืองใหญ่ๆ ได้ตั้ง 3เดือน .....อื้ม ....... การ Recycle เป็นการประหยัดพลังงาน จริงๆ<br /> แต่เดี๋ยวก่อนเรื่องประหยัดพลังงานยังไม่จบ เรื่องที่สืบเนื่องมาจาก "ดีต่อสิ่งแวดล้อม" การกำจัดขยะที่คนทำมาช้านานนั่นคือการขุดหลุมฝังขยะ การฝังขยะปัญหาที่ตามมาคือของเน่าหม็น เกิดก๊าซมีเทนส่งผลให้คนที่อยู่รอบๆที่ฝังทิ้งขยะ เดือดร้อนใช้ไหมครับ แต่ว่าที่ USA เขามีการทำเป็นระบบ ขุดหลุมฝัง ห่างไกลแหล่งน้ำ ทำที่เฉพาะ(ขี้เกียจอธิบาย เพราะไม่รู้ละเอียด) ส่วนก๊าซ มีเทนที่ได้จากขยะ เขาเอาไปผลิตพลังงานไฟฟ้า .... โดยในรายการอ้างว่า ..... ก๊าซมีเทนจากขยะ ปริมาณ1ปี สามารถนำไปผลิตไฟฟ้าได้ตั้ง 30ปี!!! คุณเชื่อหรือเปล่าล่ะ(ถ้าให้นึกภาพง่ายๆ ใครเคยเล่น Sim City นึกภาพโรงงานไฟฟ้าจากขยะไว้ แต่ในเกมมันเป็นการสร้างไฟฟ้าจากการเผาขยะซึ่งผมไม่ค่อยเข้าใจระบบเหมือนกัน(ใช้พลังงานจล สร้างพลังงานกลไปเกิดพลังงานกลอีกทีมั้ง) มันเลยส่งผลต่อมลภาวะในเกม .... และผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันไอ้โรงงานไฟฟ้าจากก๊าซมีเทนเนี่ยะ ส่งผลต่อมลภาวะ แค่ไหนเหมือนกัน) ส่วนที่ทิ้งขยะที่อ่อนนุช เรามีวิธีจัดการกับมันยังไงอยู่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันใครรู้ช่วยบอกที...... ท่านผู้ว่ากทม ..... <br /><br />Save Tree - การดาษผลิตจากเยื่อไม้ เยื่อไม้ได้จากไม้ คนจึงเชื่อกันว่าถ้า Recycleกระดาษที่ใช้แล้วเช่นหนังสือพิมพ์ จะเป็นการช่วยรักษา ต้นไม้ ทำให้มีอากาศหายใจ...... จริงๆแล้ว เยื่อไม้จากต้นไม้ที่นำใช้ในการผลิตกระดาษนั้น ได้มาจากต้นไม้ที่เขาปลูกมาเพื่อผลิตกระดาษโดยเฉพาะทำกันเป็น Farm ต้นไม้เพราะได้คุณภาพดีกว่าจะไปเอาเยื่อต้นไม้มั่วๆมาใช้(อ้าว..) ตัวอย่างบ้านเราก็โครงการ ปลูกต้นกระดาษAA ตามคันนาบ้านเรานั่นไง..... ส่วนต้นไม้ที่หายไปจากโลกปีละหลายๆล้านต้นมาจาก คนที่ตัดเอาไปทำเฟอร์นิเจอร์ หรือถางป่าทำพืชไร่ หรือสร้างที่อยู่มากกว่า.... เพราะฉนั้น..... การ Recycleกระดาษไม่ช่วย อนุรักษ์ต้นไม้แน่นอน .... <br /><br />Save Money - การใช้ของ Recycle ไม่ได้ช่วยประหยัดเงินแน่นอนอย่าลืมว่า ของที่ Recycle มักจะคุณภาพแย่กว่า และมักจะแพงกว่า และค่าจ้างที่รัฐจ่ายให้พนักงานเก็บขยะที่มาขนขยะเราไป Recycle รัฐเอาเงินมาจากไหนก็เงินภาษี จากเราๆทั้งนั้น ....... แล้วมันประหยัดเงินเราตรงไหนเนี่ยะ ส่วนเรื่องบริษัทที่ผลิตวัตถุดิบ ก่อนจะนำไปแปรรูปก็ต้องจ่ายแพงกว่าปรกติ อีก ...... แล้วมัน ประหยัดเงินตรงไหนเนี่ยะ <br /><br />Create A Job - เกิดการสร้างงาน จำนวนมาก แต่คนที่ได้รับผลประโยชน์ไม่ใช่เราๆท่านๆที่สร้างขยะกันอยู่ทุกวันแน่ๆ แต่เราสร้างงาน ให้คนที่ทำหน้าที่เก็บขยะ ขับรถขนขยะ แยกขยะ และคนที่หน้าที่ในโรงงาน Recycle มีงานและมีรายได้ เพราะฉนั้นหัวข้อนี้ผมว่ามันน่าจะเป็นเรื่องดี ........ แต่เคยได้ยินกันมั่งไหมว่า คนเก็บกวาดขยะตามท้องถนน รายได้วันละเป็น พัน ฿_฿...... <br /><br />ฮ่า ฮ่า ฮ่า คงสังเกตุได้ไม่ยากว่า ข้อมูลในแต่ละหัวข้อมันน้อยลงเรื่อยๆ จริงๆแล้วในรายการ ได้เสนอข้อมูลที่เราเข้าใจกันผิดๆเกี่ยวกับ Recycle ไว้ 7-8 ข้อ แต่ผมดันนึก ออก 5 เองแฮะ อีกอย่างเพราะรายการ โยงเรื่องกันไปมา อย่างงงนิดๆ คือ นำเสนอข้อมูลมาเยอะๆ แล้วแยกเป็นหัวข้อทีหลังแถมยังไม่เป็นระเบียบอีกต่างหาก ซึ่งต่างจากปรกติที่ควรจะเป็นที่ นำเสนอหัวข้อมาก่อนแล้วอธิบายเนื้อหาในข้อมูลนั้น .......... นี่แหล่ะ Bull Shit : Penn & Teller รายการที่นำเสนอข้อมูลสวาระอย่างเพี้ยนๆ.... -__-....... ดังที่กล่าวมาผมเลย ต้องมานั่งประมวลข้อมูลในหัวสมอง แยกประเภทเองอีกต่างหาก...... บวกกับระยะเวลาเป็นเดือนมาแล้วทำให้ข้อมูลลางเลือนไปบ้าง แหะ....แหะ........แหะ.... <br /><br />หลังจากที่ทนอ่านตัวหนังสือเป็นพรืดมาจนถึงตรงนี้ คิดบ้างหรือเปล่าว่า... "ไอ้หมอนี่ต่อต้านเรื่อง Recycle แหงๆ" ผมบอกได้เลยว่า ผมไม่ได้ต่อต้านการ Recycleอย่างยิ่ง หรือ เห็นด้วยอย่างสุดกู่ ...... ไม่ว่าจะเรื่องอะไร จะภาวะโลกร้อน จะ น้ำมันแพง ประหยัดไฟฟ้า ถุงฟ้า หรืออะไรผมก็ทำ....เท่าที่พอทำได้เท่านั้นแหล่ะ แค่ปรับมันให้เข้ากับการใช้ชีวิตประจำวันของผมโดยวิถีชีวิตไม่เปลี่ยน ....... ก็เท่านั้น<br />อย่างรถพลังงานไฟฟ้า ที่ช่วงหลายๆปีหลัง รถยี่ห้อดังๆทั้ง หลายพยายามผลิตกันออกมา ก่อนที่จะเกิดวิกฤต Hamburger เนี่ยะ ผมไม่เห็นว่ามันจะเป็นการประหยัดพลังงานตรงไหน แค่เปลี่ยนจากการใช้น้ำมันไปเป็นพลังงานไฟฟ้าเท่านั้นเอง.... ประหยัดค่าน้ำมันตอนช่วงน้ำมันแพง อาจจะใช่.....แล้วค่าไฟฟ้า จากการชาร์จไฟฟ้าให้รถจากบ้านมันเพิ่มมาในบิลตั้งเท่าไหร่ ผมเคยดูสารคดีทาง Discovery เขาเปรียบเทียบ การค่าใช้จ่ายพลังงานน้ำมันต่อพลังไฟฟ้า ผมจำตัวเลขที่ชัดเจนไม่ได้ แต่สรุปคือถ้าเราใช้รถไฟฟ้า จ่ายค่าไฟฟ้าแพงกว่าจ่ายค่าน้ำมันแน่นอน ด้านความเร็วของรถอย่าไปพูดถึงมันแล้วกัน......... ส่วนเรื่องมันดีกว่าสิ่งแวดล้อมนั้น ......เอ่อ ..... เราผลิตกระแสไฟฟ้ามากจากอะไรมั่ง....... หลักๆใหญ่ๆก็ เขื่อนกันน้ำ โรงงานไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ และ โรงงานไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ(น้ำมัน แก๊ส ถ่านหิน ฯลฯ) นอกจากอันแรก ........ มันดีต่อสิ่งแวดล้อมไหมนี่...... <br /><br />ขอบคุณถ้ายังมีคนทนอ่านมาจนถึงตรงนี้ ข้อมูล 95% นั้นมาจากรายการ Bull Shit : Penn & Teller ซึ่งเป็นรายการของทาง USA ข้อมูลทั้งหมดมาจากการวิจัยของทาง USA ล้วนๆ เพราะฉนั้น อาจจะใช้กับเมืองไทยเราไม่ได้เลยก็ได้ -___________- เขียนมาทำไมตั้งยาว................. นั่นสินะ ....... เอาเป็นว่าอ่านเล่นๆเพลินแล้วกัน (^_^)b(อีก5%มาจากความรู้ทั่วไปในสมองอันกระจ๊อยร๊อย ของผม)<br />แถมข้อมูลเล็กน้อย .....USA ผลิตขยะ ปีละ 220 ตัน ........ หลุมฝังขยะ กว้าง 35x35ไมล์ ลึกเท่าไหร่จำไม่ได้ แต่เพียงพอจะ ใช้ฝังขยะให้ USA ได้ 1000 ปี ..... เอ่อ...ไม่รวมขยะ อิเล๊คโทรนิคมั้ง ....... <br /><br />-----------------------------------------------------------------------------------<br /><br />ความเห้นส่วนตัวของผม : ผมเองก็ดูรายการนี้ทางช่อง True X-Zyte เช่นกัน เรื่องนี้ผมไม่ได้ดู แต่ผมค่อนข้างที่จะเห็นด้วยครับ ว่าการ recycle อาจจะไม่ใช่ทางออกที่ดีนักในการจัดการกับขยะทุกประเภท และเผลอๆก่อมลพิษและใช้ค่าใช้จ่ายมากกว่าการผลิตใหม่เสียอีก รวมถึงคุณภาพของวัสดุที่ผลิตจากการ recycle ก็แย่ลงอีก มันเคยเกิดขึ้นแล้วกับรถยนต์ Mercedes-Benz รหัสตัวถัง W-124 (ก็เจ้า E-class โลงจำปานั่นแหล่ะ) ที่มีปัญหาว่าสายไฟของระบบต่างๆไม่ทนเท่าที่ควรเพราะใช้วัสดุrecycle<br /><br />กับเรื่องที่ผู้เขียนบทความพูดถึงเรื่อง รถยนต์ไฟฟ้า อาจจะไม่ได้ช่วยโลกอย่างที่คิด ผมก้เห้นด้วย และผมก็คิดแบบนี้ก่อนจะมาเจอบทความนี้ซะอีก เพราะโอเค ตัวรถใช้ไฟฟ้าขับเคลื่อน แต่ไฟฟ้าที่ใช้ชาร์จหล่ะ ก็มาจากการเผาถ่านหินหรือเชื้อเพลิงปิโตรเลียมประเภทอื่นอยู่ดี แล้วชิ้นส่วนจำพวก แบ็ตเตอรี่ในรถยนต์ไฟฟ้า อันเป็นแหล่งพลังงานขับเคลื่อนหลักนั้น มันก็ต้องมีการเสื่อมสภาพ กลายเป็นขยะอันตรายอีก (ต่อให้เป้นแบ็ตเตอรรี่ Li-on ก็เถอะ) ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนมันก็สูงใช่เล่น รวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆที่จะตามมาอีก และอีกนานครับ กว่ารถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้าแบบเพียวๆจะมีศักยภาพเทียบเท่ารถยนต์ใช้น้ำมันในทุกๆด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รถทื่ต้องใช้กำลังอย่างรถบรรทุก<br /><br />ดูเหมือนว่าบางครั้ง สิ่งที่ดูดีดูเริศและน่าเชื่อถือ เป้นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป้นสิ่งที่ดูเหมือนว่าทำเพราะความหวังดี อาจจะไม่ดีอย่างที่คิดก็ได้ และผมว่าแค่เราไม่ใช้มันอย่างฟุ่มเฟือยจนเกินไป เท่านี้ก็ช่วยดลกได้มากแล้วครับThailandhttp://www.blogger.com/profile/13376830479428634145noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-8273883435330687915.post-44594951296519757032009-10-27T02:32:00.001-07:002009-10-27T02:36:02.057-07:00John Goodman นอนอาบแดดในสระว่ายน้ำ<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhrFskiP2QRQCf2sudoJDr864d-qCWTvBhqBuj1MeTXCWYGZ_EWkz8HmnnQNYIHN0ohXtE7DFkm0T3Y4wW1MiJGoT0bT-nZZ5ATntHOorD9wtAsTve7yDqAijotzRM_cPi-kE-KQhAnyqeL/s1600-h/009IEM_John_Goodman_001.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 225px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhrFskiP2QRQCf2sudoJDr864d-qCWTvBhqBuj1MeTXCWYGZ_EWkz8HmnnQNYIHN0ohXtE7DFkm0T3Y4wW1MiJGoT0bT-nZZ5ATntHOorD9wtAsTve7yDqAijotzRM_cPi-kE-KQhAnyqeL/s400/009IEM_John_Goodman_001.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5397210438554711810" /></a><br /><br />ฉากจากหนังเรื่อง In the electric mist ไม่รู้เข้าฉายในไทยหรือเปล่า เขารับบทเป็นตัวละครชื่อ Julie 'Baby Feet' Balboni<br /><br />อีกครั้งที่ได้เห็นดาราคนโปรดของผม เปลือยท่อนบน ว้าวThailandhttp://www.blogger.com/profile/13376830479428634145noreply@blogger.com0